หมุนเวียนมิใช่ทำลาย วิถีชีวิตคนอยู่กับป่า ที่คนเมืองมองว่าทำลาย

Date:



รายวิชาการสื่อสารเพื่อเสริมพลังทางสังคม คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโครงการ ‘การศึกษาไร่หมุนเวียนในแง่มุมด้านวัฒนธรรม การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดอคติเรื่องชาวเขาทำลายป่า‘

“ชาวเขาทำลายป่า”

“เวลามีปัญหาอะไร คนอยู่กับป่าอย่างเรา ก็จะเป็นแพะรับบาปตลอด”

วาทกรรมชาวเขาทำลายป่าเป็นวาทกรรมที่ถูกผลิตซ้ำมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษและกดทับพวกเขาให้ตัวเล็กลงเรื่อย ๆ จนกลุ่มชาติพันธุ์มักถูกวางไว้ในบริบทจำเลยของสังคมว่าเป็นต้นเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศและป่าไม้ที่หายไปในภาคเหนือ

วาทกรรมนี้เท็จจริงมากแค่ไหน? หรือเป็นเพียงอคติของสังคมต่อคนชายขอบอย่างกลุ่มชาติพันธุ์ โดยผู้สร้างวาทกรรมเองก็ไม่ได้มีความเข้าใจในพลวัตความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกับป่า…

ก่อนฤดูฝุ่นจะมาเยือน เราได้มีโอกาสเดินทางไปพบ ตาแยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ หรือที่คนในชุมชน เรียกว่า พะตีตาแยะ(พะตี ในภาษาปกาเกอะญอแปลว่า ลุง) ชาวปกาเกอะญอ วัย 75 ปี จากหมู่บ้านสบลาน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เคลื่อนไหวเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมมานานหลายสิบปี ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการเคลื่อนไหวต่อรองอำนาจรัฐจากนโยบายที่สร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ที่พึ่งพาอาศัยป่า รวมถึงเผยแพร่ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมปกาเกอะญอแก่สาธารณะ



พะตีตาแยะ พาเราเดินมุ่งหน้าสู่ท้องไร่ อันเป็นพื้นที่ทำมาหากินของคนในหมู่บ้าน พลางชี้นิ้วและอธิบายตามจุดต่าง ๆ พร้อมสอดแทรกวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวปกาเกอะญอที่สืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก่อนที่จะหยุดนั่งพักตรงน้ำตกและพูดคุยเกี่ยวกับการทำ ‘ไร่หมุนเวียน’ 



ไร่หมุนเวียนไม่ใช่ไร่เลื่อนลอย



เกษตรไร่หมุนเวียนไม่ใช่เกษตรทำลายป่า เป็นการใช้ป่าซ้ำ เราทำไร่หมุนเวียน เราทำมาเรื่อย ๆ จนกลับมาที่เดิม และทิ้งพื้นที่นั้นเอาไว้ 7 ปี”

เมื่อพูดถึงกลุ่มชาติพันธุ์และการทำไร่หมุนเวียนในสังคมไทยนั้น อาจมีความเข้าใจที่ค่อนข้างคลุมเครือและผิดเพี้ยนจากมายาคติที่ส่งต่อกันมานานแสนนาน 

ไร่หมุนเวียน เป็นภูมิปัญญากะเหรี่ยงในการบริหารจัดการใช้ประโยชน์พื้นที่ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพ ด้วยการทำการผลิตในระยะสั้นและปล่อยพักฟื้นระยะยาวจนผืนดินคืนความสมบูรณ์แล้วจึงวนกลับมาทำที่เดิม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทำกินของชุมชน ไม่ใช่พื้นที่ป่า



พื้นที่พักฟื้นนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ไร่เหล่า’ โดยปกติแล้ววงจรในการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนใช้เวลาประมาณ 5-7 ปี ตลอดระยะเวลา 7 ปี ธรรมชาติจะเยียวยารักษาผืนดิน มอบความอุดมสมบูรณ์และพืชพรรณ จนพื้นที่ไร่เหล่าซึ่งเคยราบเตียนกลับมาเขียวชอุ่มชุ่มชื้นเป็นผืนป่าอีกครั้ง ต่างจาก ไร่เลื่อนลอย ที่มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและใช้สารเคมี เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และพืชไร่อื่น ๆ ซึ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตามรอบการผลิต (2 – 3 ครั้งต่อปี) และหลังจากปลูกพืชได้ 2 – 3 ปี ดินจะเสื่อมคุณภาพลง ไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช ชาวบ้านก็จะย้ายไปบุกรุกแล้วถางพื้นที่ใหม่เพื่อเพราะปลูกใหม่ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทิศทางที่แน่นอน 

การที่เราได้ไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวบ้านในช่วงเวลาหนึ่ง แม้จะไม่นานนัก แต่ก็ทำให้เราเข้าใจ ‘ความสัมพันธ์ของธรรมชาติและมนุษย์’ ที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไร่หมุนเวียนไม่เพียงเป็นระบบการผลิตอาหารที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นอัตลักษณ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนกะเหรี่ยงที่แฝงไว้ด้วยองค์ความรู้ในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพื่อการยังชีพอย่างมั่นคง



คนกับป่า

ก่อนที่เราจะลงไปทำไร่หมุนเวียน เราต้องผูกมือก่อนในปีใหม่ จะผูกทั้งหมู่บ้าน และถวายเจ้าที่เจ้าทาง ว่าจะลงมือทำไร่แล้วนะ ให้สิ่งไม่ดีไม่ร้ายอย่ามาใกล้ หลังจากนั้นเขาจะเอาน้ำส้มป่อยมาอาบและดำหัว เพื่อล้างสิ่งไม่ดีจากในตัวเรา พอผ่านไปอีกวันก็จะไปดูไร่ว่าบริเวณป่าผืนนี้เหมาะจะไปทำมั้ย ถ้าเหมาะก็จะไปตัดต้นไม้ต้นสองต้น แล้วบอกผีหรือสิ่งศักด์สิทธิ์”

พิธีกรรมไหว้ผีไร่ผีนา อยู่คู่กับวิถีทำไร่หมุนเวียนของชาวปาเกอะญอมาช้านาน ก่อนเขาจะเข้าไปทำการผลิตใน ‘ไร่หมุนเวียน’ ต้องกราบไหว้ผีปู่ย่าตายายและเทพเจ้าทั้งหลาย โดยขออนุญาตว่าปีหนึ่งจะทำแค่แปลงหนึ่ง แปลงเดียว แล้วทิ้งไร่หมุนเวียนแปลงนั้นไว้ 7-8 ปี รวมทั้งขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดูแลพื้นที่ป่าแห่งนั้น

สิ่งหนึ่งที่พะตีย้ำอยู่เสมอคือ เมื่อเราอยู่กับธรรมชาติก็ต้องดูแลธรรมชาติให้ดี และสิ่งนี้ก็ถูกสะท้อนออกมาผ่านประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อต่าง ๆ ของชาวปกาเกอะญอที่มองว่าธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงที่สุด ทุกสรรพสิ่งมีเจ้าของ เพราะฉะนั้นเราจะไม่สามารถไปทำลายหรือใช้ประโยชน์อย่างล่วงเกินไม่ได้ 



ทวงคืนผืนป่าจากผู้รักษาป่า

อย่างไรก็ตาม ไร่หมุนเวียนถูกมองว่าเป็นระบบการผลิตที่ล้าหลัง ไม่มีประสิทธิภาพ และส่งกระทบต่อป่าไม้ที่เป็นแหล่งทรัพยากรอันมีค่าของรัฐ นำมาซึ่งการทวงคืนผืนป่าหรือการรุกล้ำทำลายวิถีชีวิตของชาวบ้านผ่านการจัดทำโครงการพัฒนาต่างๆ มากมาย โดยประกาศเขตป่าอนุรักษ์ครอบทับพื้นที่ทำกินของคนกะเหรี่ยง ไร่หมุนเวียนจึงเป็นสิ่งผิดกฎหมายและถูกห้ามทำไร่หมุนเวียน ซึ่งขัดกับความเป็นจริงที่เป็นวิถีของกลุ่มชาติพันธุ์บนที่สูง 

เมื่อก่อนคนเมืองก็ทำไร่หมุนเวียน แต่ช่วงหลังหลังมีการพัฒนานโยบาย คนเมืองก็ทิ้งไร่หมุนเวียนไปเลย เราไปถามคนเฒ่าคนแก่ เขาบอกว่ารัฐไม่ให้ทำ เราจะโดนจับ โดนยึดพื้นที่ จึงต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปทำอย่างอื่น ไปทำนาเยอะขึ้น ทำเกษตรเชิงเดี่ยวเยอะขึ้น แต่ที่ดินเราไม่มีใบทำกิน เขาจะยึดเมื่อไหร่ก็ได้”

ต้นตอปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชุมชนดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานใจกลางผืนป่า ส่วนหนึ่งนั้นมีสาเหตุจากความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมและวิถีชีวิต โดยเฉพาะชุมชนชาวปกาเกอะญอ กลุ่มชาติพันธ์ุที่มีวิถีผูกพันแน่นแฟ้นกับป่าและเป็นผู้รักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ป่ามาตั้งแต่อดีต 



ชาวเขาเผาป่า

จริง แล้วปัญหาฝุ่นควัน มันปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนทำให้เกิดเหมือนกัน แต่ทำให้เกิดไม่เท่ากัน อย่างคนตัวเล็กตัวน้อยแบบเราเทียบกับบริษัทใหญ่ ก็ปล่อยไม่เท่ากัน แล้วทำไมเขาถึงไม่ถูกควบคุมเลย

จากสถานการณ์มลพิษทางอากาศที่รุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้ผู้คนที่มีวิถีการทำไร่หมุนเวียนเหล่านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเผาหรือการใช้ไฟในช่วงดับเพลิง แต่เมื่อเทียบสัดส่วนของฝุ่นควันจากไร่หมุนเวียนกับปริมาณฝุ่นควันภาคเหนือทั้งหมดนั้น ถือว่าเป็นเพียงส่วนน้อยมากเสียด้วยซ้ำ เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน การทำอุตสาหกรรม และฝุ่นควันจากการคมนาคมที่ยังไม่มีมาตรการแก้ไขด้วยเช่นกัน

แม้การเผากำจัดวัชพืชหลังฤดูเก็บเกี่ยวนั้นจะมาพร้อมกับฝุ่นควัน แต่การเผานั้นเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อคืนปุ๋ยและแร่ธาตุสู่ผืนดิน ซึ่งโดยปกติแล้วชาวบ้านจะทำแนวกั้นไฟรอบ ๆ พื้นที่ไร่ เพื่อป้องกันการเผาไหม้ลุกลาม แต่ด้วยความเข้าใจผิดหลักที่มองว่าฝุ่นภาคเหนือเกิดจากการเผาป่า จึงนำไปสู่นโยบายการห้ามเผาของรัฐในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน

ช่วงเผาไร่หมุนเวียน ถ้าเราจะเผาต้องไปขออนุญาตจากเทศบาล แจ้งพิกัดให้เขาว่าตรงนี้จะเผาไร่ เขาบอกว่าจะเผาไร่ ต้องลงชื่อไว้ ถ้าไม่ได้ลงชื่อไว้ จะเผาไม่ได้ ถ้าเผาเราจะโดนจับ ทุกครั้งที่เผาเราก็อยู่ด้วย ไปกับชาวบ้านด้วยกัน แต่ที่หมอกควันเยอะ ๆ เราไม่ได้เผานะ บางครั้งฝนตกลงมาก็เผาไม่ได้ละ”

มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุ ทั้งยังส่งผลให้ชาวบ้านทำมาหากินยากขึ้นและปัญหาฝุ่นทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เพราะหากเผาได้หลังเดือนเมษายนก็จะทำให้ชาวบ้านต้องรีบเผาพร้อม ๆ กันก่อนที่ฤดูฝนจะมาถึง หากการเตรียมไร่เป็นไปไม่ทันตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ก็จะทำให้ปีนั้นพวกเขาไม่สามารถทำกินได้เลย 



แม้ระบบการจัดการ ‘ไร่หมุนเวียน’ จะเป็นระบบที่เกื้อกูลต่อธรรมชาติ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการยอมรับและกลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างชุมชนกับหน่วยงานรัฐที่อยู่ในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ชุมชนพยายามรักษาตลอดคือ ป่า และไม่มีวันที่จะทำลายมัน ดังวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้น

ชาวเขาไม่ได้ทำลายป่า

ไร่หมุนเวียนไม่ควรเป็นแพะของการทำลายป่า



แหล่งที่มา

ตาแยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ, การสื่อสารส่วนบุคคล, 24 มกราคม 2567

BEDO Thailand. (2565). “ไร่หมุนเวียน” Supermarket จากภูมิปัญญากะเหรี่ยง EP 1. สืบค้นจาก https://bedo.or.th/pr HYPERLINK “https://bedo.or.th/project/articledetail?id=2988″o HYPERLINK “https://bedo.or.th/project/articledetail?id=2988″ject/articledetail?id=2988

Facebook ; Environman. (2565). ECOTALK: คุยกับ ‘พะตีตาแยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ’ ผู้นำชุมชนหมู่บ้านสบลาน ชาวปกาเกอะญอ ในวันที่ไร่หมุนเวียนกำลังจะหายและกลายเป็นจำเลยของสังคม. สืบค้นจาก https://www.facebook. HYPERLINK “https://www.facebook.com/100069969091464/posts/4889244107870664/”c HYPERLINK “https://www.facebook.com/100069969091464/posts/4889244107870664/”om/100069969091464/p HYPERLINK “https://www.facebook.com/100069969091464/posts/4889244107870664/”o HYPERLINK “https://www.facebook.com/100069969091464/posts/4889244107870664/”sts/4889244107870664/

คุณากร. (2564). ชีวิตนี้สอนให้รู้ว่า “ถ้ามีนา มีวัวควาย หรือมีป่า ก็มีกินมีใช้” – ตาเเยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ. สืบค้นจาก https://adaymagazin HYPERLINK “https://adaymagazine.com/patee-tayae/”e HYPERLINK “https://adaymagazine.com/patee-tayae/”. HYPERLINK “https://adaymagazine.com/patee-tayae/”c HYPERLINK “https://adaymagazine.com/patee-tayae/”om/pat HYPERLINK “https://adaymagazine.com/patee-tayae/”e HYPERLINK “https://adaymagazine.com/patee-tayae/”e-tayae/

สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). (2021). ไร่หมุนเวียน สิทธิทางวัฒนธรรมเพื่อความเป็นธรรมทางนิเวศและสังคม. สืบค้นจาก https://www.ldi.or.th/2021 HYPERLINK “https://www.ldi.or.th/2021/02/swidden/”/ HYPERLINK “https://www.ldi.or.th/2021/02/swidden/”02/swidden/

องศาเหนือ. (2020). ไร่หมุนเวียน บทพิสูจน์ภูมิปัญญาการเผาชาวบ้าน. สืบค้นจาก https://thecitizen.plus/node/30 HYPERLINK “https://thecitizen.plus/node/30712″7 HYPERLINK “https://thecitizen.plus/node/30712″12

นักศึกษาวารสาร ผู้ชื่นชอบการเขียน การหาข้อมูลและการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม สนใจประเด็นทางสังคม โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และศิลปะวัฒนธรรมในชุมชน

วิญาดา หอมนาน
ฉัตรณพัฒน์ ภูกิจพงศ์หิรัญ
วิชญ์รัตน์ สร้อยฉวี
จิราเจต จันทร์คำ
ช่างภาพ
ธนรัชต์ ใจดี
ช่างภาพ
ศุภกร หทัยปรีวิจิตร
ช่างภาพ

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...

เปิด 5 เหตุผล ทำไม ‘เขื่อนปากแบง’ จึงไม่ควรถูกสร้างขึ้นบนแม่น้ำโขง

‘เขื่อนปากแบง’ เป็นโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่บนแม่น้ำโขงสายประธานของลาว แบบน้ำไหลผ่าน (Run-of-River) ตั้งที่เมืองปากแบง แขวงอุดมไชย ห่างชายแดนไทย 97 กิโลเมตร...