แถลงการณ์แอมเนสตี้เรียกร้องทางการลาวสอบสวนกรณียิง ‘แจ็ค’ อนุซา หลวงสุพรม

จากกรณี ‘แจ็ค’ อนุซา หลวงสุพรม นักเคลื่อนไหวทางการเมืองวัย 25 ปีเจ้าของเพจ ຂັບເຄື່ອນດ້ວຍຄີບອດ ถูกยิง ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งกลางกรุงเวียงจันทร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566  แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องทางการลาวเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์นี้ โดยมีเนื้อหาดังนี้

โจ ฟรีแมน รักษาการรองผู้อำนวยการระดับภูมิภาคด้านการสื่อสารประจำแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่าทางการลาวต้องดำเนินการสอบสวนอย่างรวดเร็ว ครบถ้วนรอบด้าน เป็นอิสระ และเป็นกลาง ต่อเหตุการณ์การยิงอันเลือดเย็นครั้งนี้ ต่อนักกิจกรรมเยาวชนที่กล้าออกมาพูดถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนในลาว ไม่ควรมีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนใดถูกทำร้ายด้วยความรุนแรงเช่นนี้เพียงเพราะการทำงานของเขา

แจ็คเป็นผู้วิจารณ์การเมืองและสังคมลาวอย่างแหลมคม เขาทำเพจเฟซบุ๊กสองเพจ โดยมีชื่อเป็นคำแปลภาษาไทยว่า “ขับเคลื่อนด้วยคีย์บอร์ด” และ “สทล. – สาธารณรัฐ” ทั้งสองเพจนี้เผยแพร่ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการเมือง โดยรวมไปถึงปัญหามลพิษฝุ่นควันในลาว สิทธิมนุษยชนของเด็กนักเรียน และสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ 

คลิปเหตุการณ์ยิงสังหาร ถูกเผยแพร่ตามรายงานข่าวของ ลาวพัดทะนาเดลินิวส์ สื่อซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับทางการลาว และได้รับการแชร์อย่างกว้างขวางในบรรดาผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ จวบจนถึงวันที่ 2 พฤษภาคม ทางการลาวยังไม่ได้ระบุตัวผู้ก่อเหตุ แม้จะมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน

ลาวเป็นรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งคุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิต ตามข้อ 6 และสิทธิที่จะมีเสรีภาพด้านการแสดงออกตามข้อ 19 อย่างไรก็ดี รัฐบาลลาวยังคงควบคุมสื่อมวลชนเกือบทั้งหมด และที่ผ่านมา ลาวมีประวัติของการปราบปรามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาอย่างยาวนาน

“ประชาคมนานาชาติ และหน่วยงานของสหประชาชาติ ต้องเรียกร้องให้ทางการลาวรับประกันให้มีการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน”  โจ ฟรีแมนกล่าว

อัพเดทเพิ่มเติม : โจเซฟ อัครวงศ์ ‘ประธานโจ’ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชาวลาว ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Joseph Akaravong ว่า ‘แจ็ค’ อนุซา หลวงสุพรมยังมีชีวิตอยู่ โดยระบุว่าทางครอบครัวให้ข่าวว่าแจ็คเสียชีวิตเพื่อให้ฝั่งมือปืนเข้าใจว่าแจ็คเสียแล้ว ซึ่งทางตำรวจรู้แล้ว ไม่สามารถปิดข่าวได้ โดยขอให้ทุกคนช่วยกันจับตาอย่างใกล้ชิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง