5 บาทต่อกิโลฯ ถอนพริกทิ้งกลางไร่ ชาวสวนอมก๋อยขาดทุนหนัก ราคาต่ำสุดรอบ 10 ปี ไร้รัฐหนุน

Date:

เกษตรกรไร่พริกในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ กำลังเผชิญภาวะราคาพริกตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี พริกยำขาวที่เคยขายได้กิโลกรัมละ 20-30 บาท ร่วงเหลือเพียง 5-6 บาทในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ทำให้หลายครัวเรือนไม่คุ้มทุนเก็บเกี่ยว ต้องปล่อยผลผลิตเน่าคาแปลง หรือถอนต้นพริกทิ้งกลางไร่ ส่งผลให้เกิดหนี้สินซ้ำซ้อน โดยยังไม่มีหน่วยงานรัฐใดเข้ามาช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม

“รายได้หายไปเกือบหมด ปีนี้แย่ที่สุดในรอบสิบปี” พรเพ็ญ สิงห์พัฒนาเมือง  เกษตรกรไร่พริกจากบ้านแม่อ่างขาง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนปลูกพริกยำขาวและพริกชี้ฟ้า บนพื้นที่ประมาณ 8 ไร่ แต่ปีนี้ต้องเผชิญราคาพริกที่ตกต่ำหนักกว่าทุกปี

“ปีนี้หนักจริง หนักสุดในรอบ 10 ปี ราคาพริกยำขาวปีนี้เหลือแค่ 5-6 บาทต่อกิโล จากที่เคยได้ 20-30 บาท ตกมาตั้งแต่เดือนเมษายน ตอนนี้พฤษภาคมแล้วก็ยังไม่ฟื้น หลายคนถอนพริกทิ้งหมด เพราะอยู่ไปก็ไม่มีทางได้ทุนคืน” พรเพ็ญ กล่าว

พรเพ็ญ เผยว่านอกจากที่ตนปลูกพริกขายเอง เธอยังรับซื้อพริกจากเพื่อนๆ เพื่อนำไปขายที่ตลาดสี่มุมเมือง จังหวัดปทุมธานี เธอกล่าวว่าการขายแต่ละครั้งในปีนี้ได้เงินไม่กี่พันบาท ขาดทุนหนักเมื่อเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 40,000-50,000 บาท ซึ่งบางรายได้เงินคืนมาเพียงไร่ละ 10,000 บาทเท่านั้น ซึ่งปกติรายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ไร่ละ 100,000 บาท

ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรอำเภออมก๋อย ระบุว่า อำเภออมก๋อยมีพื้นที่การเกษตรรวมทั้งสิ้น 117,374 ไร่ โดยมีครัวเรือนเกษตรกรกว่า 35,000 ครัวเรือน และพริกถือเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจหลักปลูกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของพื้นที่ทั้งหมด มีพื้นที่ปลูกพริก 11,024 ไร่ โดยเฉพาะในหมู่บ้านอย่างแม่อ่างขางและยางเปียงใต้ ที่มีการปลูกพริกยำขาว พริกชี้ฟ้า พริกหยวก และพริกหนุ่มขาวกระจายอยู่ทั่วไป ครัวเรือนส่วนใหญ่มีพื้นที่เพาะปลูกราว 4-8 ไร่ต่อราย ซึ่งต้องแบกรับต้นทุนการผลิตเต็มจำนวน หากตลาดไม่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ

“ไม่มีใครช่วย ไม่มีหน่วยงานไหนมาเลย” เมื่อถามถึงความช่วยเหลือจากรัฐ พี่แอนตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่มีเลยจริงๆ” ทั้งในช่วงที่พืชราคาตกต่ำ หรือแม้แต่หลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่เคยมีการหาเสียงว่าจะสนับสนุนเกษตรกร

“ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ก็บอกว่าจะช่วยเกษตรกร แต่หลังเลือกตั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เธอกล่าว

พรเพ็ญ เล่าว่าภาวะราคาพริกตกต่ำนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาของสินค้าเกษตรจากประเทศอื่นๆ อาทิ จีนและเมียนมา ที่มีราคาถูก สวยงาม และไม่เน่าง่าย ส่งผลให้แม่ค้าเลือกซื้อพริกนำเข้าแทนพริกของเกษตรกรไทย

“ไม่มีหวัง ไม่มีทุนทำต่อ” ผลกระทบจากวิกฤตราคานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องรายได้เท่านั้น พรเพ็ญสะท้อนว่า “ทุกอย่างกระทบหมด ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน ไม่มีทุนทำต่อ ไม่รู้อนาคตรุ่นต่อไปจะยังไหวหรือเปล่า”

“ตอนนี้ขอขับรถไปเก็บพริกก่อน ถึงแม้จะราคาตก แต่ก็ต้องทำ อย่างน้อยได้คืนมาซัก พันสองพันก็ยังดี” พรเพ็ญ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน คณพศ บุ้ยโป๊ะ หรือ “รองเป็ด” รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอมก๋อย ระบุว่า วิกฤตราคาพริกที่เกิดขึ้นในพื้นที่อมก๋อยครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ไม่เพียงเกษตรกรเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เศรษฐกิจในระดับชุมชนก็กระทบตามไปด้วย ตั้งแต่ร้านขายของชำที่ขายของได้น้อยลง ไปจนถึงกิจกรรมหมุนเวียนในครัวเรือนที่หยุดชะงักเพราะขาดรายได้จากพืชผลหลัก

แม้ตนจะไม่ได้ปลูกพริกเอง แต่ก็ช่วยรวบรวมพริกจากเพื่อนที่ขายไม่ออกเพื่อนำไปบริจาคตามวัดในเชียงใหม่ เพราะพริกที่เหลือจำนวนมากถูกขายในราคาต่ำสุดเพียงโลละ 1-2 บาท หรือบางครั้งถึงขั้นต้องแถมไปกับสินค้าอื่น เพราะไม่มีตลาดรับซื้อ

ในระดับโกดังรับซื้อก็ไม่ต่างกัน พื้นที่เต็มไปด้วยพริกที่ไม่มีคนรับไปต่อ ทำให้ผู้ประกอบการรับซื้อต้องจำใจรับไว้ในราคาต่ำกว่าทุน บางครั้งถึงขั้นยกให้ฟรีเพียงเพื่อเคลียร์พื้นที่

สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐใดเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง หรือมีมาตรการรองรับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดกับชุมชน รองเป็ดมองว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความล้มเหลวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนโครงสร้างของระบบการผลิตที่ไม่เชื่อมโยงกับตลาด และความเหลื่อมล้ำของข้อมูลราคาที่อยู่ในมือของพ่อค้าคนกลางเป็นหลัก

“เราปลูกเองโดยไม่รู้ว่าราคาข้างล่างเป็นยังไง ส่วนพ่อค้าคนกลางเขาฉลาด เขาซื้อถูกไปขายแพง หรือถ้าเห็นล้นก็ไม่ซื้อเลย”

สุดท้าย ผู้ที่ได้ประโยชน์ในระบบเกษตรที่เปราะบางกลับกลายเป็นกลุ่มจำหน่ายปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยและยา ซึ่งยังขายของได้เสมอ แม้ผลผลิตของชาวบ้านจะไม่มีตลาดรองรับก็ตาม

“ต่อให้รู้ว่าปลูกไปอาจขายไม่ออก ชาวบ้านก็ยังต้องซื้อปุ๋ยเพราะอยากให้ผลผลิตดี แต่พอผลผลิตดีจริง ราคาก็ตกทั้งประเทศ” รองเป็ดกล่าว

ในภาวะที่พริกขายไม่ออก รายได้หดหาย และต้นทุนยังเดินหน้า เกษตรกรไร่พริกในอมก๋อยจำนวนมากกำลังรับภาระนี้ตามลำพัง โดยไม่มีมาตรการรองรับจากภาครัฐ ขณะที่พ่อค้าคนกลางยังควบคุมกลไกตลาด และผู้ค้าปัจจัยการผลิตยังคงได้ประโยชน์ ระบบเกษตรที่เป็นอยู่จึงไม่เพียงเปราะบาง แต่ยังทิ้งคนปลูกไว้ท้ายสุดของห่วงโซ่ โดยไม่มีหลักประกันว่าในฤดูกาลหน้าทุกอย่างจะดีขึ้น

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ปมดับปริศนา ‘พลทหารราเชน ยวามื่อ’ ในค่ายพิษณุโลก คนใกล้ชิดตั้งข้อสงสัย หลังเกิดเหตุไฟดับ–กล้องเสีย

11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (Cross-Cultural Foundation) เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารราเชน...

กลุ่มรักษ์เชียงของยื่นฟ้องนายกฯ–กฟผ. ปมเขื่อนปากแบง หวั่นแม่น้ำโขงกลายเป็น ‘อ่างตะกอนพิษ’

12 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มรักษ์เชียงของ พร้อมประชาชน นักวิชาการ และทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ฟ้องนายกรัฐมนตรี...

ทหารเกณฑ์ดับในค่ายพิษณุโลก มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจี้สอบเหตุละเมิดสิทธิ

11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารเกณฑ์รายหนึ่งเสียชีวิตภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก หลังเข้ารับการฝึกเพียงไม่ถึง 10...

เครือข่าย กก สาย รวก โขง ยื่น 5 ข้อ แก้ปัญหาน้ำปนสารพิษ ด้านรัฐบาลยืนยันยุติโครงการฝาย

ภาพ: สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต 11 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300...