9 พฤษภาคม 2566 เชียงใหม่ใหม่คลับ และเครือข่ายจัดเวที “ร่วมกำหนดอนาคต เชียงใหม่ เพื่อชาว เชียงใหม่” เวลา 18.30 – 21.00 น. ณ ห้องประชุมทองกวาว 2 Green Nimman จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นแคมเปญ THE ELECTION ติดตามการเลือกตั้งระดับชาติ ในมุมมองของชาวเชียงใหม่ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการเมืองในปีนี้ ซึ่งจะเกิดผลกระทบทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ได้รู้จักตัวแทนผู้สมัครส.ส. เขต 1 เชียงใหม่ ในแต่ละพรรคการเมือง พร้อมตอบคำถามและแสดงวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดอนาคตเชียงใหม่ผ่านการเลือกตั้ง
มีตัวแทนผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เชียงใหม่ จาก 6 พรรคการเมืองร่วมตอบคำถาม ได้แก่ จักรพล ตั้งสุทธิธรรม พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1, เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู พรรคก้าวไกล เบอร์ 2, กุพชกา ยศปัน พรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 6, จักรวาลธวัฒน์ วรรณาวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 7, ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 9 และพรชัย จิตรนวเสถียร ตัวแทนจากพรรครวมแผ่นดิน
เรื่องของเชียงใหม่ที่ต้องการสื่อสารเป็นอันดับแรก ถ้ามีโอกาสได้นำเสนอเชียงใหม่ต่อสังคมและประชากรโลก
จักรวาลธวัฒน์ วรรณาวงศ์ ย้ำว่าตนยังคงยืนยันว่าสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ต้องนำเสนอให้โลกได้เห็น ภาพรวมของเชียงใหม่ทั้งหมดจะเป็นจุดขายที่ดีที่สุดให้กับสังคมโลก
กุพชกา ยศปัน กล่าวว่า สิ่งที่จะนำเสนอคงหนีไม่พ้นเทศกาลและอาหารเมืองอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าโลกจะต้องหันกลับมามองเชียงใหม่ในมุมที่ต่างออกไป
ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา นำเสนอว่า ถ้าหากมีโอกาสได้พูดบนเวทีโลก DNA ของเชียงใหม่ก็คือวัฒนธรรมลานนาและความทันสทัย การมี Service Mind ที่ดีและมีความพร้อมต่อการใช้งานให้คนทั่วโลก
เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู กล่าวว่า ต้องการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผลักดัน Soft Power ทุกมิติของเชียงใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้ถึงสองเด้ง ทั้งรายได้จากคนรุ่นเก่าที่มีความรู้ในวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ และรายได้จากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานออกมาในรูปบทเพลงหรือภาพยนตร์ และอื่นๆ
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ย้ำจังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมทั้งทางภูมิศาสตร์และ Medical Hub ความพร้อมในการมีกิจกรรม Adventure ต่างๆ หรือกิจกรรมระดับโลก ที่พร้อมจะดึงดูดทั้งคนและสินค้าให้เข้ามาในเชียงใหม่ได้
พรชัย จิตรนวเสถียร อธิบายว่า ปัจจุบันมีตัวชี้วัดที่แสดงผลว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่นั่งทำงานโดยไม่มีออฟฟิศหรือ Digital Nomad ติดอันดับ 3 ของโลก นี่เป็นสัญญาณด้านบวกของสิ่งนี้คือทำให้เชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่น่าจับจองมาก และทุกคนจะต้องร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ตอบโจทย์มากที่สุด
ปัญหาของเชียงใหม่ที่แต่ละคนอยากแก้ไขเป็นเรื่องแรก
เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู กล่าวว่าหากเลือกได้แค่เรื่องเดียว ต้องแก้ปัญหาที่โครงสร้างพื้นฐานที่เกื้อกูลกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การเปิดให้เข้าใช้พื้นที่สาธารณะได้อย่างอิสระ หากพื้นที่แสดงความสร้างสรรค์ถูกจำกัด งานสร้างสรรค์ก็ไม่มีศักยภาพไปต่อได้
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม อธิบายว่าตนและพรรคเพื่อไทยต้องผลักดันวาระพ.ร.บ.อากาศสะอาด ฉบับของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริง รวมไปถึงการยกระดับการพูดคุยและเจรจาทุกต้นตอปัญหาที่ทำให้เกิด PM 2.5 เพราะหากแค่ลมหายใจที่สะอาดเรายังไม่มีสิทธิที่จะหายใจ สิ่งที่พูดมาทั้งหมดจะไร้ค่าไปทันที เพราะไม่มีใครอยากใช้ชีวิตอยู่ในเชียงใหม่ในสภาวะแบบนี้ และการนำเสาไฟฟ้าลงดิน โดยเริ่มที่พื้นที่นิมมานเหมินทร์ ภายใต้โครงการ Smart Nimman ในหมวด 7s ที่จะจัดการปัญหาต่างๆในพื้นที่เศรษฐกิจให้หมดไป
พรชัย จิตรนวเสถียร กล่าวว่าต้องแก้ไขที่พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพราะความไม่เท่าเทียมของกลุ่มทุน ทำให้คนจนสร้างอาคารต้องถูกตรวจสอบ แต่กลุ่มทุนไม่ต้องถูกตรวจสอบ
ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา ตอบปัญหาในข้อนี้ว่าปัญหาเร่งด่วนคือเรื่องปากท้องของคนเชียงใหม่ โจทย์คือทำอย่างไรก็ได้ให้คนเชียงใหม่มีเงินใช้ วิธีการแก้คือการดึงนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาทางรถไฟและเครื่องบินอย่างสะดวก และแก้ไขปัญหาระยะยาวเรื่องขนส่งมวลชน
จักรวาลธวัฒน์ วรรณาวงศ์ ย้ำว่าปัญหาใหญ่ของเชียงใหม่ยังมีเรื่องแนวคิดการรวมศูนย์อำนาจสู่ส่วนกลาง เชียงใหม่ควรจะได้รับการจัดการตนเอง กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
กุพชกา ยศปัน กล่าวว่าปัญหาขนส่งมวลชนและการคมนาคมในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ คนรุ่นหลังเริ่มไม่รู้จักรถเมล์ รถแดงจัดระบบตนเองไม่ได้ อยากเดินทางไปไหนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรถส่วนตัว ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของเชียงใหม่เรื่อยมาที่ต้องแก้ไข
Soft Power ของเชียงใหม่และแคมเปญพัฒนาเชียงใหม่ไม่ไร้อนาคต
พรชัย จิตรนวเสถียร กล่าวว่า วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตเป็นจุดแข็งที่สุดของเชียงใหม่ที่ต้องสร้างให้เป็นจุดขาย โดยนโยบายพรรครวมแผ่นดินต้องการชูในเรื่อง “จาก Local สู่เลอค่า เชียงใหม่ Forever” ต้องทำให้เชียงใหม่เป็นของคนเชียงใหม่ และเกิดความมั่งคั่งและยั่งยืน
ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา นำเสนอแคมเปญ “Chiang Mai Renovate : Renovate Chiang Mai” สร้างแลนด์มาร์คหรือทำให้พื้นที่สาธารณะในเชียงใหม่เป็นที่รู้จัก และดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชม เพื่อพัฒนาเชียงใหม่ให้มีความใหม่ตลอดเวลา
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม อธิบายว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบาย “OFOS : One Family One Soft Power” ซึ่งจะผลักดันให้เกิดเชียงใหม่มหานคร ภายใต้คำที่ว่า เชียงใหม่จะต้องศิวิไลซ์ มีองค์กรที่จะผลักดันประเด็น Soft Power ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาพยนตร์ อาหาร กีฬา ดนตรี เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในระหว่างเรียน หรือจบใหม่ มีอาชีพรอในอนาคต
เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู เสนอว่าการทำระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จะต้องมองที่คนอยู่ การสร้างรายได้ และนักสร้างสรรค์ผลงาน การสร้างรายได้ภายใต้รัฐบาลก้าวไกลจะเพิ่มงบประมาณ 10 เท่า สำหรับระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และคุ้มครองคนทำงาน ชั่วโมงทำงาน รวมไปถึงคนทำงานฟรีแลนซ์ด้วย และสร้างระบบสวัสดิการถ้วนหน้าทุกช่วงวัย เพื่อประชาชนทุกคน
กุพชกา ยศปัน อธิบายถึง Soft Power ว่าคือการนำนวัตกรรมอะไรรูปแบบใดก็ได้มาหารายได้เข้าประเทศ ในความคิดของตนอย่างแรกคืออาหาร เช่นการพัฒนาไวน์จากลำไยและผลไม้ท้องถิ่น และนวัตกรรมอันใหม่ที่มองเห็นคือสายมู การท่องเที่ยวแบบสายมูเป็นตัวอย่างของ Soft Power ที่ต้องดันให้เกิดทุกที่ทุกตำบลอย่างแท้จริง และย้ำว่าจะสนับสนุนให้เกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้แคมเปญ THE ELECTION โดยเชียงใหม่ใหม่คลับ จะเป็นแคมเปญที่ต่อเนื่องและถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่สร้างสรรค์และหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบคอนเทนต์ออนไลน์ วิดิโอสัมภาษณ์ เวทีพูดคุยทางการเมือง การถ่ายทอดสด และพอตแคสสุดโลคอล ที่จะทำให้ทุกคนพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไปด้วยกัน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/chiangmaimaiclub/
