‘คนแป๋งเมืองเชียงใหม่’ ค้านการตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ย้ำ “คนจนก็จ่ายภาษี”

Date:

วันนี้ (17 ส.ค.66) เครือข่ายคนแป๋งเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนในชุมชนเมืองที่ขับเคลื่อนเรื่องคุณภาพชีวิตและสิทธิในมที่อยู่อาศัย รวมตัวชูป้ายแสดงจุดยืนคัดค้านการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การรับเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ 


สุกัญญา พินิจวัฒนพรรณ หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายคนแป๋งเมืองจากชุมชนทิพย์เนตร

สุกัญญา พินิจวัฒนพรรณ อายุ 69 ปี หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายคนแป๋งเมืองจากชุมชนทิพย์เนตร และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ชี้ว่าแม้จะหาเช้ากินค่ำ แต่ประชาชนอย่างตนและคนอื่นๆ ก็ยังต้องจ่ายภาษีซึ่งจะกลายเป็นเงินจุนเจือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ แต่รัฐกลับไม่ได้เหลียวแลพลเมืองของตนได้ดีพอ 

“คิดดู คนในหน่วยงานรัฐต่างๆ กินข้าวมื้อละเท่าไหร่เปรียบเทียบกับคนจนเนี่ย อย่างสมมติได้เดือนละ 600 ต้องกินมื้อละ 20 บาท อยากถามว่าอิ่มไหม?”

การเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การปรับเบี้ยสูงอายุ ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2566 ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ประเด็นสำคัญที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือ มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แก้คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ ต้องเป็น “ผู้ที่ไม่มีรายได้” หรือ “มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ” ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติกำหนด เป็นการเปลี่ยนเกณฑ์จากเดิมที่ให้แบบถ้วนหน้า ไปเป็นการให้แบบสังคมสงเคราะห์เฉพาะคน จากเดิมที่ต้องมีสัญชาติไทย มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดย “ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ”

นอกจากการแสดงจุดยืนของเครือข่ายคนแป๋งเมืองแล้ว ยังมีเครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ และ We Fair ที่ออกมาร่วมแสดงจุดยืนคัดค้านการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ผ่านการจัดขบวนเยือน กระทรวงการคลัง มหาดไทย และ พม. เมื่อ 10.00 น. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งออกแถลงการชู 5 ข้อเสนอในกรณีดังกล่าวด้วย

แถลงการณ์ร่วมเครือข่ายประชาชน 53 องค์กร 1,468 รายชื่อ “ปกป้องสวัสดิการประชาชน คัดค้านการตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” วันที่ 17 สิงหาคม 2566

ในห้วงยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว รัฐบาล ‘ประยุทธ์’ ยังคงรักษาการในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กระทรวงมหาดไทยได้ออกหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566 โดยเพิ่มคุณสมบัติการเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ เป็นเงื่อนไขในการรับเบี้ยยังชีพ  ทั้งที่ทศวรรษกว่านับตั้งแต่ป๊ 2552 สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ถูกปรับจากระบบสงเคราะห์คนยากไร้อนาถามาเป็นสิทธิสวัสดิการระบบถ้วนหน้า ขอเพียงให้ประชาชนมีอายุ 60 ปี และไม่ได้รับสวัสดิการหรือบำนาญอื่นใดจากรัฐในลักษณะเดียวกัน

จนเมื่อเข้าสู่การรัฐประหาร 2557 การบริหารประเทศภายใต้การนำของประยุทธ์ จันทร์โอชา การดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการสังคม ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย กลับลิดรอนสิทธิสวัสดิการของประชาชน ลดทอนด้อยค่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ด้วยการให้พิสูจน์ความยากจน แสดงถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบสวัสดิการถ้วนหน้าอันเป็นการเคารพสิทธิเสมอกันของประชาชน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพลเมือง ยิ่งสังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น รัฐควรต้องออกโรงมาปกป้องดูแลทรัพยากรมนุษย์ ผู้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ด้วยการเพิ่มสิทธิสวัสดิการ ยกระดับคุณภาพชีวิต ในฐานะพลเมือง ทรัพยากรบุคคลของประเทศ

ในนามของพลเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบของกระทรวงมหาดไทย และหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เราจะร่วมกันปกป้องสวัสดิการประชาชน และร่วมกันคัดค้านการตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยมีข้อเรียกร้องร่วมกันดังนี้

1. กระทรวงมหาดไทย ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 แล้วกลับไปใช้ระเบียบเดิม ซึ่งคงสิทธิถ้วนหน้าโดยไม่ต้องพิสูจน์ความยากจน และตัดสิทธิการรับสวัสดิการซ้ำซ้อนไว้แล้ว

2. คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติต้องออกมาปกป้องหลักเกณฑ์การจ่ายสิทธิของผู้สูงอายุทุกตน ไม่ให้ถูกลิดรอนต่ำลงไปกว่าที่เคยเป็น ด้วยการไม่สนองตอบต่อหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566

3. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเปลี่ยนเบี้ยยังชีพให้เป็นระบบบำนาญถ้วนหน้า ด้วยการออกเป็นกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ใช้หลักนโยบายการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามมติคณะรัฐมนตรี

4. กระทรวงการคลัง ต้องมีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งทางการคลัง โดยการตัดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เข้ารัฐ เพื่อเพิ่มรายได้ในการจัดสวัสดิการสังคมให้กับประชาชนแบบถ้วนหน้า เช่น การศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดเก็บภาษีความมั่งคั่ง ภาษีลาภลอย ภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้น เป็นต้น

5. รัฐบาลใหม่ ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้น สวัสดิการต้องเป็นสิทธิแบบถ้วนหน้าและบรรจุในกฎหมายให้ชัดเจน

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...

เปิด 5 เหตุผล ทำไม ‘เขื่อนปากแบง’ จึงไม่ควรถูกสร้างขึ้นบนแม่น้ำโขง

‘เขื่อนปากแบง’ เป็นโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่บนแม่น้ำโขงสายประธานของลาว แบบน้ำไหลผ่าน (Run-of-River) ตั้งที่เมืองปากแบง แขวงอุดมไชย ห่างชายแดนไทย 97 กิโลเมตร...