สิงหาสังหารชาวนา ย้อนดูเหตุฆาตกรรมและอุ้มหายผู้นำชาวนาภาคเหนือในปี 2518​

22 สิงหาคม 2565

หลังการลอบสังหารพ่อหลวงอินถา ศรีบุญเรือง รองประธานสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย และประธานสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2518 ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นในหลายละลอกต่อจากนั้นในเดือนสิงหาคม มีผู้นำชาวนาในภาคเหนือที่ถูกสังหาร ลอบทำร้ายและถูกอุ้มหายในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งหมด 7 คน คือ​

1.นายสวัสดิ์ ตาถาวรรณ รองประธานสหพันธ์ฯ ระดับหมู่บ้าน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ถูกยิงและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2518 ภายหลังกลับจากงานศพพ่อหลวงอินถา​
2.นายมี สวนพลู สมาชิกคณะกรรมการสหพันธ์ฯ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ถูกอุ้มหายไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2518​
3.นายตา แก้วประเสริฐ สมาชิกคณะกรรมการสหพันธ์ฯ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ถูกอุ้มหายไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2518​
4.นายตา อินต๊ะคำ สมาชิกคณะกรรมการสหพันธ์ฯ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ถูกอุ้มหายไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2518​
5.นายนวล สิทธิศรี สมาชิกสหพันธ์ฯ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ถูกยิงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 (หมายเหตุ – ในหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ฉบับวันที่ 13 สิงหาคม 2518 ระบุว่าเป็นการถูกยิงครั้งที่ 2 โดยนายนวลเมื่อเดินทางกลับมาจากการชี้ตัวผู้ต้องหา ก็ถูกยิงที่หน้าบ้านและเพื่อนบ้านได้นำส่งโรงพยาบาล “อาการเป็นตายเท่ากัน” แต่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าเสียชีวิตหรือไม่)​
6.นายพุฒ ทรายคำ ผู้นำชาวนา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ถูกยิงและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518​
7.นายแสวง จันทาพูน รองประธานสหพันธ์ฯ ระดับหมู่บ้าน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ถูกยิงและได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2518​

ทั้งนี้ในภาคกลางยังมีนายช้วน เนียมวีระ สมาชิกคณะกรรมการสหพันธ์ฯ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 12 สิงหาคม 2518 อีกด้วย​

โดยในช่วงเวลานั้นในงานศพของพ่อหลวงอินถา เพื่อนร่วมขบวนสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ภาคเหนือ และนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 9 คน โดยป้ายสีข้อหาที่ไม่เป็นความจริงคือ การกักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าของเหมืองกับเจ้าหน้าที่อำเภอในอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และการระดมมวลชนให้ฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อนที่จะลุกลามไปสู่การเคลื่อนไหวลุกฮือของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประชาชนในจังหวัดลำพูน ก่อนจะปล่อยตัวทั้ง 9 คนเนื่องจากไม่มีหลักฐาน (ไว้จะเล่าถึงแบบลงลึกในโอกาสต่อไป)​

ด้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ออกรายการพบประชาชนทางสถานีโทรทัศน์ในวันที่ 8 สิงหาคม 2518 ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะปราบปรามประชาชน แต่ก็ยอมรับว่าการลอบสังหารผู้นำชาวนานั้น คล้ายมีขบวนการล่าสังหาร โดยในวันที่ 8 สิงหาคม นั่นเองก็มีผู้นำชาวนาในภาคเหนือที่ถูกอุ้มหาย 2 คนด้วยกัน​

การลอบสังหาร ลอบทำร้ายและถูกอุ้มหาย ยังคงเป็นปริศนา และไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ทั้งยังมีการลอยนวลพ้นผิด พร้อมกันทั้งนี้ยังมีการเบี่ยงประเด็นและบิดเบื้อนสาเหตุการตายของผู้นำชาวนา ทั้งประเด็นชู้สาว เรื่องผลประโยชน์ ตลอดจนการสังหารกันเองในหมู่ชาวนาและนักศึกษา อย่างกรณีของพ่อหลวงอินถา ศรีบุญเรือง ได้มีการปลอมจดหมายเพื่อป้ายสีว่า พ่อหลวงต้องการที่จะลาออกจากสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ จึงถูกฝ่ายซ้ายจ้างฆ่า เป็นต้น​

ถ้ามองจากเหตุการณ์ในห้วงเวลานั้นจะพบว่าช่วงปี 2517 – 2518 ชาวนาและนักศึกษา ร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น ชาวนานำข้อเรียกร้องมายังท้องถนน นักศึกษาก็ลงมาเรียนรู้ร่วมกันกับชาวนาในชนบท เกิดเป็นโครงงานชาวนา เพื่อคลุกคลีกับปัญหา รณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเรื่องกฎหมายและประชาธิปไตย จัดค่ายนักศึกษาไปเรียนรู้ชนบท เชื่อมประสานการต่อสู้ จนนำไปสู่การผลักดันให้เจ้าที่ดินยอมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517​

นี่คือความเข้มแข็งของขบวนการประชาชนในห้วงเวลานั้น ก่อนที่จะถูกปราบปรามผ่านการ “ลอบสังหาร” ในช่วงเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2518 มีสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ ถูกสังหารไป 21 คน โดยส่วนมากเกิดขึ้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่ชื่อของสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยจะหายไปในทางสาธารณะ และต้องปฏิบัติการแบบใต้ดิน ก่อนจะถูกตัดตอนให้หายไปอย่างเงียบงัน และการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 จะค่อยๆ ปิดตายประวัติศาสตร์ก่อนหน้านั้น​

อ้างอิงจาก​
-การปฏิวัติที่ถูกตัดตอน ชาวนา นักศึกษา กฎหมายและความรุนแรงในภาคเหนือของไทย โดย ไทเรล ฮาเบอร์คอร์น​
-ความรุนแรงและการลอบสังหาร โดยเว็บไซต์บันทึก 6 ตุลา​

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง