เมษายน 20, 2024

    แอมเนสตี้ เผยการตัดสินให้เยาวชนอายุ 17 ปี มีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ เป็นบรรทัดฐานที่น่ากังวล

    Share

    23 พฤศจิกายน 2565

    แอมเนสตี้ เผยการตัดสินให้เยาวชนอายุ 17 ปี มีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ เป็นบรรทัดฐานที่น่ากังวล

    สืบเนื่องจากรายงานข่าวว่า ธนกร ภิระบัน (เพชร) เด็กผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ จากการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงอย่างสงบขณะที่มีอายุ 17 ปี และศาลตัดสินให้คุมประพฤติตามอัตราสูงสุดเป็นเวลาสามปี โดยจะต้องอยู่ในศูนย์ฝึกอบรม

    ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า เพชรเป็นคนแรกที่ศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยตอนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเขาเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี นับเป็นบรรทัดฐานที่น่ากังวล และสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวให้กับผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นเยาวชนทั่วประเทศไทย ที่อาจต้องการแสดงออกด้วยการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงโดยสงบ



    “แม้ศาลเยาวชนได้เปลี่ยนโทษ และอนุญาตให้ประกันตัว แต่คำตัดสินครั้งนี้อาจส่งผลให้เพชรต้องถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ และต้องเข้าร่วมในการฝึกอบรมภาคบังคับตามระยะเวลาของบทลงโทษ เพชรไม่ควรถูกดำเนินคดีตั้งแต่แรก เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกโดยชอบธรรม
    “คำพิพากษาว่ามีความผิดครั้งนี้ไม่เพียงบั่นทอนเวลาและทรัพยากรที่เขาอาจใช้เพื่อการศึกษาเช่นเดียวกับเยาวชนในวัยเดียวกัน หากยังส่งผลให้เขามีประวัติอาชญากร ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อโอกาสในการประกอบอาชีพและอื่นๆ ​ ​
    “เยาวชนที่แสดงความเห็น ทัศนะ และความคิดอย่างสงบเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ ไม่ควรได้รับโทษจำคุก หรือถูกควบคุมด้วยมาตรการใดๆ ที่จำกัดการดำเนินงานในแต่ละวัน ทางการไทยต้องยุติการข่มขู่และสอดแนมข้อมูลผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นเด็ก และยุติการดำเนินคดีอาญากับพวกเขา”

    ข้อมูลพื้นฐาน ​ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ศาลเยาวชนและครอบครัวมีคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์คดีแรกต่อธนกร ภิระบัน (เพชร) ซึ่งเป็นเด็กผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2563 ขณะที่มีอายุ 17 ปี เพชรได้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงอย่างสงบที่วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ ในระหว่างการชุมนุมประท้วง เพชรได้กล่าวปราศรัยเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยศาลพิพากษาจำคุกเพชรเป็นเวลาสองปี ต่อมาได้เปลี่ยนโทษเป็น “การคุมประพฤติ” โดยเป็นการฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม หรือสถานที่อื่นตามที่กำหนดโดยศาล ศาลจำแนกว่า เพชรต้องถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ โดยเข้ารับการฝึกอบรมกำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูงไม่เกิน 3 ปี
    ​ ​ ​
    ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจในการเปลี่ยนโทษจำคุก และสั่งให้ “เยาวชนที่กระทำผิด” ต้องเข้ารับการฝึกอบรมเป็นระยะเวลาตามที่กำหนดโดยศาล แต่ไม่เกินกว่าระยะเวลาเมื่อจำเลยมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ มาตรา 143 ของพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 อนุญาตให้ศาลสามารถกำหนดระยะเวลาการฝึกอบรมขั้นต่ำและขึ้นสูง และกำหนดให้มีการปล่อยตัว “เยาวชนที่กระทำผิด” เวลาใดก็ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

    ปัจจุบันเพชรได้รับการประกันตัวออกมาด้วยวงเงิน 30,000 บาท โดยเพชรเริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาเมื่อปี 2563 โดยในขณะนั้นเพชรได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงระบบสวัสดิการด้านสังคม และความเท่าเทียมด้านการศึกษา การคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และการยุติการคุกคามด้วยกระบวนการกฎหมายต่อผู้ประท้วงอย่างสงบในประเทศไทย ​ ​
    นับแต่ปี 2563 มีผู้ประท้วงอายุต่ำกว่า 18 ปีประมาณ 283 คน ที่ถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา ส่วนใหญ่เป็นความผิดตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีการกำหนดให้ใช้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด และได้มีการยกเลิกในภายหลัง เยาวชนคนอื่นถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ยุยงปลุกปั่น และการเผยแพร่ข้อมูลที่ทางการมองว่าเป็น “ความเท็จ” โดยยังมีการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องเกือบ 200 คดี

    ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) และ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child: CRC) สนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชนทั้งสองให้การคุ้มครองสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ภายใต้ข้อ 19 ​ และ ข้อ 21 ของ ICCPR และ ข้อ 13 และ ข้อ 15 ของ CRC ตามลำดับ
    ​ ​
    คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรติดตามการนำ ICCPR ไปปฏิบัติ ได้ระบุถึงข้อห่วงกังวลต่างๆ เกี่ยวกับกฏหมายว่าด้วยการหมิ่นพระมหากษัตริย์ทั่วโลก โดยกล่าวว่า บุคคลสาธารณะทุกคน รวมถึงผู้ที่มีอำนาจสูงสุดทางการเมือง ล้วนเป็นผู้ที่ควรถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างชอบธรรม และการต่อต้านคัดค้านทางการเมือง รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันของรัฐนั้นไม่ควรเป็นเรื่องต้องห้าม ระหว่างกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน หรือ UPR รอบที่สามประเทศไทยได้มีข้อแนะนำจากประเทศต่างๆ เพื่อสนับสนุนสิทธิเด็กในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการคุมขังเยาวชนที่ใช้สิทธิดังกล่าวและยุติการจับกุมและดำเนินคดีต่อเด็กด้วยข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์และข้อกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความสงบของรัฐ ถ้าทางการไทยรับข้อเสนอแนะดังกล่าวจะเป็นการเสริมเสร้างความแน่วแน่ของทางการไทยต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แต่ปัจจุบันทางการไทยยังคงไม่รับข้อเสนอแนะดังกล่าว

    Related

    น้ำแม่ข่า คลองสวย น้ำใส ไหลดี ชุมชนมีสุข สุขของใคร? หรือสุขที่ฝันไว้ไม่เคยตรงปก? 

    เรื่อง: กองบรรณาธิการ “คลองแม่ข่า” หรือ “น้ำแม่ข่า” คลองที่มีความสำคัญและมีประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน ไล่ไปตั้งแต่เป็นหนึ่งในชัยภูมิ 7 ประการในการสร้างเมืองเชียงใหม่ ไปจนถึงการก้าวกระโดดเติบโตของเมืองเชียงใหม่ในช่วง...

    คณาจารย์-ประชาชนร้องถึงนายกฯ คุ้มครองนักศึกษาเมียนมาในไทย ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม

    คณาจารย์ ประชาชนและสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์และการพัฒนาที่ยั่งยืน (RCSD) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมลงชื่อส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ,เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ...

    สงกรานต์เมียนมาในวันที่ดอกประดู่ไม่บาน

    เรื่อง: Lanner Burmaภาพ: วิศรุต แสนคำ /  ฮวาน (ไม่ใช่ชื่อจริง) /...