ศาลยกฟ้องคดี “คาร์ม็อบแม่สอด” ทุกข้อหา ชี้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงมาตรการป้องกันโรค-ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ

27 ตุลาคม 2565

26 ตุลาคม 2565 ศาลจังหวัดแม่สอดนัดฟังคำพิพากษาในคดีคาร์ม็อบแม่สอด ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เพื่อร่วมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจและการจัดการวัคซีนโควิด-19 ที่ล้มเหลว

คดีนี้มีประชาชน 2 ราย ได้แก่ จิรารัตน์ มูลศิริ อายุ 36 ปี ทนายความด้านสิทธิของแรงงานข้ามชาติ และประวิทย์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 72 ปี ประชาชนเสื้อแดงในอำเภอแม่สอด ถูกฟ้องในข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก เรื่องห้ามการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ, ส่งเสียงอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร และกีดขวางทางสาธารณะ

จำเลยทั้งสองคนเดินทางมาฟังคำพิพากษา คดีในห้องพิจารณาที่ 4 มี รณชัย โตงาม ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณา โดยได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาในคดีอื่นๆก่อน จนเวลา 10.25 น. ศาลได้เริ่มอ่านคำพิพากษา โดยสรุประบุว่า จากพยานหลักฐานฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 (จิรารัตน์) เป็นผู้นำข้อความประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมคาร์ม็อบเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานข้อความของโจทก์ ไม่ปรากฏว่ามีผู้เห็นข้อความดังกล่าวมากน้อยเพียงใด มีผู้ติดตามจำเลยที่ 1 เท่าไร และมีผู้มาร่วมกิจกรรมตามโพสต์หรือไม่ จึงไม่เป็นที่แน่ชัดถึงผลของข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นแอดมินของเพจ “แม่สอดต้านเผด็จการ” หรือมีส่วนร่วมในการกำหนดเส้นทางคาร์ม็อบ หรือออกค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมหรือไม่

ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 ได้เผยแพร่ข้อความประชาสัมพันธ์ และได้เข้าร่วมกิจกรรมในวันเกิดเหตุ พยานหลักฐานจึงยังไม่พอรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดกิจกรรมตามฟ้อง

ส่วนในฟ้องเรื่องการเข้าร่วมกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ตอบคำถามค้านเช่นเดียวกันว่าการชุมนุมเกิดขึ้นในที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ใช่สถานที่แออัด ผู้ชุมนุมไม่ถึงขนาดอยู่ใกล้ชิดกัน ทั้งส่วนใหญ่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย ยืนเว้นระยะห่าง ขณะเคลื่อนขบวนรถ ผู้ชุมนุมก็อยู่ในรถของตนเองทั้งสิ้น จากภาพถ่ายกิจกรรม จำเลยทั้งสองยังสวมใส่หน้ากากอนามัย ยืนเว้นระยะห่าง ประกอบกับโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่ามีผู้ติดเชื้อจากการชุมนุมดังกล่าวหรือไม่

พยานหลักฐานจึงรับฟังได้ว่าการชุมนุมยังคำนึงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ในส่วนฟ้องในข้อหากีดขวางทางสาธารณะ และส่งเสียงอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควร ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ขับรถคันใดเข้าร่วม และกีดขวางทางสาธารณะในลักษณะใด และไม่อาจยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมใช้สัญญาณแตรเหมือนผู้ชุมนุมที่กดสัญญาณแตรไปตลอดทางหรือไม่ จากภาพถ่ายกิจกรรม ยังปรากฏว่ารถที่เข้าร่วมต่อแถวเป็นขบวน ยังไม่ถึงขนาดกีดขวางการจราจร เพียงแต่มีรถเข้าร่วมจำนวนมากเท่านั้น รวมถึงการเบิกความจากจำเลยทั้ง 2 จึงมีคำสั่งยกฟ้องจำเลยทั้งสอง ทุกข้อกล่าวหา

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://tlhr2014.com/archives/49941…

ภาพ : แม่สอดต้านเผด็จการ

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากผู้เขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง