บาดแผลไม่มีวันจาง…ความรุนแรงของผู้หญิงผ่านกระบวนการ (อ) ยุติธรรม

Date:

เรื่อง ภัทรภร ผ่องอำไพ

การเป็นผู้ถูกกระทำจึงทำให้ผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดลุกขึ้นสู้เพื่อทวงความยุติธรรมที่สมควรได้รับ เรื่องราวของอิซาเบลล่าเป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกเป็นจำนวนมากให้ลุกขึ้นสู้ แต่ปัญหาของผู้หญิงรายอื่นๆ ที่เข้าไม่ถึงความยุติธรรมไม่ใช่เพราะพวกเธอไม่กล้า แต่เป็นเพราะระบบที่กีดกันไม่ให้พวกเธอเข้าถึงสิทธิที่ควรได้รับ

“เราเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรม สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้” เสียงของอิซาเบลล่า (นามสมมุติ) ผู้เสียหายชาวกัมพูชาเชื้อสายอังกฤษวัย 20 ปี  นักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของไทยบอกถึงความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม 

เธอเล่าย้อนเหตุการณ์ที่จะลืมไม่ลงไปตลอดชีวิตว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2566 ที่กิติกร (นามสมมุติ) เชิญให้เข้าไปหาที่บ้านเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจและชักชวนให้ร่วมทำงาน ตอนแรกเธอก็รออยู่หน้าบ้าน กระทั่งเขาเชิญเข้าไปภายในบ้าน 

กฎหมาย SLAPP ภัยคุกคามต่อผู้หญิงนักปกป้องสิทธิ

มิ้นท์ นาดศิลปฏิวัติ : เมื่อนักเคลื่อนไหวหญิงถูกขู่ฆ่า ถึงเวลาต้อง “หนี”

คุกคามทางเพศไม่ใช่เรื่องตลก อย่าให้เหยื่อต้องมีตราบา

“เขาถือแก้วแชมเปญมาให้เพื่อเฉลิมฉลองให้กับธุรกิจของเขา รวมทั้งบอกข่าวดีว่า ได้ทำงานร่วมกับเขาแล้ว เราก็ดีใจ จากนั้นเขาก็ขอให้เราดื่มแชมเปญที่เขาถือมา ซึ่งปรกติเราไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ แต่เขาก็บอกว่า เขาไม่เคยขอร้องใคร ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยขอร้องอะไรจากเรา ด้วยความที่ก็เคารพเขาในฐานะคนรู้จัก ในฐานะของครู เราจึงดื่ม”

เธอเล่าอีกว่า แม้ว่าไม่เคยดื่มแอลกอฮอลล์ แต่เวลาไปร่วมงานเลี้ยงก็มักจะสังเกตพฤติกรรมของผู้ร่วมงานเสมอ ซึ่งปกติการดื่มแชมเปญไม่ใส่น้ำแข็ง แต่ก่อนส่งเครื่องดื่มให้เธอ กิติกรนำช้อนมาคนในแก้วและใส่น้ำแข็งให้เธอ แต่เธอก็ดื่มด้วยความเกรงใจ 

หลังจากดื่ม เธอมีอาการหายใจไม่ออกเหมือนจะเป็นลมจึงขอให้เขานำส่งโรงพยาบาล แต่กิติกรปฏิเสธ

“เขาบอกว่า มันเป็นเรื่องปรกติ ไม่เป็นไร แต่ตอนนั้นในหัว คือ รู้แล้วว่าอาการแบบนี้มันไม่ปรกติเลย ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ”เธอเล่าวินาทีที่เกิดขึ้นในขณะนั้น 

จากนั้นเธอก็พยายามจะลุกออกจากบ้าน แต่เขาก็ใช้กำลังกระชากแขนและบังคับให้เข้าไปข้างในบ้าน แต่เธอบอกว่า หายใจไม่ออกเหมือนโลกหมุนไม่สามารถควบคุมร่างกายได้  

“ตอนนั้นเขาวิ่งเข้าไปในบ้าน บอกให้เราดื่มน้ำที่เขาเตรียมไว้ให้ พอเราปฏิเสธที่จะไม่ดื่ม เขาก็ตะคอกใส่ พอเราจะลุกออกไปหายใจ เขาก็ตะโกนห้ามไม่ให้เราออก”เธอเล่าเป็นฉากๆ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน 

ภาพประกอบจากเว็บ UN Women

จากนั้นอิซาเบลล่าพยายามตั้งสติและหาจังหวะวิ่งหนีออกไปขอความช่วยเหลือจากบ้านตรงข้ามให้พาเธอส่งที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงได้มีการตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือดพบว่า มีสารเสพติดในร่างกาย 

“จริงๆ ตกใจมากเลยที่พบสารเสพติดในร่างกาย เพราะเราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สารเสพติดทุกประเภท ตอนที่คุณหมอมาบอกพบสารเสพติดในร่างกายมีถึง 9 ชนิด ถือว่าเยอะและมีปริมาณมากมีความเสี่ยงที่จะเกินขนาด (Overdose) อาจทำให้สลบหรือเสียชีวิตได้ โชคดีที่เรายังรู้ตัว มีสติและพยุงร่างกายไปโรงพยาบาลทัน”เธอเล่า

หลังจากนั้นเธอรักษาตัวเป็นระยะเวลานานเพื่อฟื้นฟูร่างกายและรักษาบาดแผลในใจที่เป็นผลเกิดขึ้นจากอาการหวาดกลัว (Panic Disorder) โดยเฉพาะเวลาได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามาใกล้ๆ จะทำให้ตกใจ หวาดกลัว เพราะภาพจำสุดท้ายของเธอเป็นภาพขณะวิ่งหนี แล้วมีเสียงของเขาวิ่งตามไล่หลัง หลังจากนั้นเธอก็ไม่กล้ารับน้ำดื่มจากใคร จะพกขวดน้ำใส่กระเป๋าและดื่มเฉพาะที่พกไปเท่านั้น

ก้าวข้ามความกลัวสู่กระบวนการยุติธรรม

“ช่วงแรกรู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่กล้าบอกใคร รู้สึกอาย คนแรกที่ขอคำปรึกษา คือ พี่ชาย ซึ่งพอพี่ชายได้ฟังจึงคุยกับพ่อแม่ทันทีและประสานกับทาง รอง ผบ.ตร. เพื่อไปให้ปากคำและรวบรวมหลักฐานตอนนี้อัยการได้ส่งไปยังชั้นศาลแล้ว”เธอกล่าวและว่า”

“ช่วงที่ผ่านมาครอบครัวของผู้ก่อเหตุพยายามทุกทาง ทั้งผ่านครอบครัวเพื่อน และคนที่รู้จักแต่ไม่แน่ใจเจตนาว่าต้องการอะไร ซึ่งทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเหนื่อยล้ามาก”เธอกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ 

แต่สาเหตุที่ทำให้เธอสามารถกล้าเดินหน้าดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้นเป็นเพราะหลายฝ่ายให้สนับสนุนและยังมีความช่วยเหลือจากมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ให้กำลังใจ เพื่อไม่รู้สึกกลัวและรู้สึกอาย ทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้กล้าเผชิญหน้า 

“ผู้เสียหายไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ที่โดนกระทำความรุนแรง ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวที่จะแจ้งความหรือต่อสู้ เพราะพวกคุณไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เราเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรม สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 

กรกนก คำตา (ปั๊บ) นักกิจกรรมเรื่องสิทธิพลเมือง 

รัฐโยนงานจนปฏิเสธไม่รับเคส 

กรกนก คำตา (ปั๊บ) นักกิจกรรมเรื่องสิทธิพลเมือง อีกบทบาทหนึ่งเธอเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคสามัญชน กล่าวว่า ขณะนี้ยังขาดกลไกที่เข้ามาสนับสนุนเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เสียหาย อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดในส่วนของการเชื่อมโยงประสานกันจึงทำให้ปัญหาไม่ถูกแก้ไข

“ไม่ใช่ว่า เคสความรุนแรงไม่ค่อยเกิดขึ้น พอหน้างานมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ หน่วยงานดำเนินการไม่เป็น หน่วยสนับสนุนก็ไปต่อไม่ได้ โยนไม้ต่อกันไปกันมา เพราะขาดผู้ชำนาญการ กระทั่งปฏิเสธไม่รับตรวจผู้เสียหายแบบนี้ก็ไม่ได้”กรกนก กล่าวด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ

ความรุนแรงคดีที่ไม่ควรยอมความ 

เธอกล่าวอีกว่า สิ่งที่ท้าทาย คือ บางครั้งคนไม่เข้าใจว่าประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จนไม่ได้ให้ความสำคัญและไม่แสดงความคิดเห็นจนกลายเป็นเรื่องเพิกเฉย 

“เราไม่ควรปล่อยและยอมความ เพื่อการสร้างความตระหนักรู้ ไม่ว่าจะเป็นในระดับ ชุมชน หมู่บ้าน นักกิจกรรมทางการเมือง มหาวิทยาลัยให้มีพื้นที่บรรยากาศการพูดคุยประเด็นนี้อย่างจริงจัง”

กรกนก เสนอว่า หากชุมชนตระหนักรู้ ช่วยเหลือ เฝ้าระวังและให้ความสำคัญถึงประเด็นความรุนแรงว่าด้วยเหตุแห่งเพศ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง ทั้งการทำร้ายร่างกาย การกระทำชำเรา ข่มขืน การฆาตกรรม ไม่ว่าเพศใดๆ ระบบยุติธรรมจะต้องเข้ามามีบทบาทในการปกป้อง คุ้มครอง รักษาสิทธิให้กับผู้เสียหายทั้งหลายอย่างยุติธรรม ไร้ซึ่งการเลือกปฏิบัติ

“กฏหมายที่มีความเย็นชาขาดการรับฟัง มันจึงกลายเป็นภาพท้อนสะท้อนถึงการขาดความเห็นอกเห็นใจในความเป็นเพื่อนมนุษย์ ในขณะที่มีผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงเพิ่มขึ้นไม่เว้นวัน แต่ความช่วยเหลือกลับเข้าไปไม่ถึงพวกเขาอยู่ดี”

จอมเทียน จันสมรัก นักขับเคลื่อนในประเด็นส่งเสริมประเด็นสุขภาพจิต แบ่งความรุนแรงแห่งเพศออกเป็น 3 ข้อ 1.ทัศนคติของคนรัฐ ซึ่งมักจะมีทัศนคติที่มี มายาคติทางเพศที่ใช้ความเอนเอียงของตัวเองในการตัดสินว่าผู้เสียหายที่เดินเข้าไปแจ้งความหรือมาขอความช่วยเหลือควรได้รับการสนับสนุนหรือไม่ 

จอมเทียน จันสมรัก นักขับเคลื่อนในประเด็นส่งเสริมประเด็นสุขภาพจิต

สำหรับประเด็นที่ 2 นั้นเธอมองว่า เกิดจากศักยภาพของคนทำงาน เช่น  ตำรวจไม่รู้กฎหมาย ไม่ได้รับการอบรมให้เข้าใจประเด็นในปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นต้น

“ประเด็นเกี่ยวกับเพศต้องมีการอบรม แต่ตำรวจหญิงบางสถานีตำรวจก็ไม่มี ตำรวจชายก็ไม่ได้รับการอบรมให้มีความเข้าใจเรื่องเพศ สิ่งที่เจอจึงเป็นปัญหาในระดับเชิงระบบที่คนทำงานไม่ได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ ไม่ได้รับการสนับสนุนทำให้กฎหมายที่เขียนไม่ถูกนำมาใช้”เธอบอกเล่าถึงปัญหาที่พบเจอ 

ประเด็นที่ 3 ที่เธอเห็นว่า เป็นประเด็นใหญ่ที่สุด คือ การร่างกฎหมายของแบบไทยไม่ได้นำองค์ความรู้ด้านอื่นเข้าไปเกี่ยวเป็นกฎหมาย เป็นมุมมองของคนเขียนกฎหมายที่มีอำนาจ ทำให้ไม่ได้สัมผัสถึงข้อท้าทายในการใช้กฎหมายนั้นในพื้นที่จริง ไม่ได้รับตอบรับจากประชาชนเท่าที่ควร ทำให้หลายครั้ง กฎหมายจึงออกมามีเนื้อหารายละเอียดที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง 

“ยกตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดเลยจะเป็นกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวที่มองว่าต้องยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลางและเน้นการไกล่เกลี่ยเพื่อให้ครอบครัวอยู่ร่วมกันได้ ซึ่ขัดกับหลักการสากลขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนที่ต้องยึดผู้เสียหายไปเป็นศูนย์กลาง”เธอยกประเด็นปัญหามาอธิบายให้เห็นภาพ 

ที่ผ่านมากฎหมายของรัฐขาดการรับฟังเสียงจากประชาชนหรือฟังก็ไม่นำเสียงไปปรับใช้ อีกทั้งในประเด็นเฉพาะก็ไม่ดึงผู้เชี่ยวชาญเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงาน 

“กฎหมายไทยจึงเป็นกฎหมายที่เย็นชาและขาดความเข้าใจมนุษย์”เธอกล่าว 

จอมเทียน จันสมรัก นักขับเคลื่อนในประเด็นส่งเสริมประเด็นสุขภาพจิต

เธอ เล่าต่อว่า กรณีที่เป็นกฎหมายเรื่องเพศ แนวทางการสอบสวนไม่ได้นำกระบวนการรักษาบาดแผลทางจิตใจของเคสนำมาใช้จึงกลายเป็นว่า ผู้เสียหายเสมือนได้รับการกระทำข่มขืนซ้ำจากหน่วยงานรัฐไม่ว่าจะเป็นในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล หรือกรณีเคสอายุมากกว่า 18 ปี ยังขาดทีมวิชาสหาวิชาชีพเข้ามาช่วยดูแล ทำให้เคสมักจะถูกกล่าวโทษ เกิดเป็นการตัดสินโทษเหยื่อจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่เข้าใจในประเด็นงานความรุนแรงทางเพศ

“ในประเด็นงานที่ขาดผู้เชี่ยวชาญ รัฐจึงควรจะมองเห็นปัญหาและยอมรับในประเด็นที่ไม่เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะดึงคนที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาปรับปรุงต่อยอด เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนไม่ใช่ผลประโยชน์ของตน” เป็นสิ่งที่จอมเทียนเน้นย้ำ

ผู้เสียหายคดีทางเพศต่อกระบวนการยุติธรรม

เมื่อปี 2538 ประเทศไทยริเริ่มการมีพนักงานสอบสวนหญิง พ.ต.อ.หญิง ฉัตรแก้ว เป็น 1 ใน 15 คนนั้น เธอทำงานในฝ่ายสอบสวน กระทั่งเกษียณในตำแหน่งผู้กำกับการสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกและได้รับความสนใจจากหลากหลายองค์กรไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน 

“สิ่งสำคัญในฐานะคนทำงานไม่ว่าจะเพศชายหรือเพศหญิง ต่อประเด็นการทำงานความรุนแรงว่าด้วยเหตุแห่งเพศ จึงเป็นในส่วนของอคติของคนทำงานที่มีต่อผู้เสียหาย การไม่ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวไปตัดสินเคสและการมีองค์ความรู้ ความเข้าใจในประเด็นงานเพื่อสนับสนุน ประสานช่วยเหลือเคสจึงสำคัญ”เธอเล่า 

พ.ต.อ.หญิงฉัตรแก้ว กล่าวเสริมว่า บางครั้งความหวาดระแวง อคติ สามารถเกิดขึ้นได้จากมุมมองของผู้เสียหายเองเช่นกัน การที่ผู้เสียหายสามารถเลือกที่จะคุยกับพนักงานสอบสวนหญิง เพราะวางใจ สบายใจที่จะเปิดเผยข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เสียหายหญิงสามารถร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่จัดหาพนักงานสอบสวนหญิงได้ภายใต้ข้อกฎหมายไทย แต่ในทางปฏิบัติจริงกระบวนการจัดหาพนักงานสอบสวนหญิงนับได้ว่ายาก ยาวนาน และซับซ้อนมาก

พ.ต.อ.หญิง ฉัตรแก้ว วรรณฉวี อดีตผู้กำกับการสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการ

ตำรวจหญิงสำคัญไฉน? 

ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติตำแหน่งระบุว่า พนักงานสอบสวนทั่วประเทศ มีกว่า 10,000 คน ในส่วนนี้มีตรำวจหญิงประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ 

พ.ต.อ.หญิง ฉัตรแก้ว อดีตผู้กำกับการสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการ บอกว่า บางจังหวัด บางพื้นที่ไม่มีพนักงานสอบสวนหญิง ซึ่งขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจที่เขาใช้วิธีการบรรจุเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนหญิงไปลงประจำการนั้นๆ 

เมื่อย้อนดูข้อมูลเมื่อปี 2563 จากรายงานศึกษาผู้หญิงในการบังคับใช้กฎหมายจัดทำโดย United Nations Office on Drugs and Crime, UN Women และ INTERPOL มีสัดส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเพศชาย 84% และเพศหญิง 16% ถือว่าสัดส่วนไม่เท่ากัน 

“จุดประสงค์เดิมของพนักงานสอบสวนหญิง คือ ให้บริการในคดีความรุนแรงว่าด้วยเหตุแห่งเพศ คดีความรุนแรงในเด็กเยาวชนและครอบครัว ซึ่งเป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน ทุกครั้งที่มีการแจ้งความในประเด็นความรุนแรงก็จะมีแต่พนักงานสอบสวนไม่ว่าจะเป็นเพศชาย เพศหญิงที่มีความชำนาญประเด็นความรุนแรงทางเพศ เรียกได้ว่า ขาดแคลนและไม่สมดุล บางแห่งผู้หญิงก็ถูกโยกไปเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการเท่านั้น”เธอกล่าว 

แยกหน่วยงานแก้ปัญหาสอบสวนคดีละเอียดอ่อน

ปัจจุบันระบบการทำงานของตำรวจยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าใดนัก จากประสบการณ์ พ.ต.อ.หญิง ฉัตรแก้ว เล่าว่า เคยนำเสนอข้อปัญหาเพื่อผลักดันนำไปสู่การแก้ไข แต่ไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติ 

“คดีละเอียดอ่อน อย่างคดีด้วยเหตุแห่งเพศมองว่า ควรที่จะแยกออกมาเป็นหน่วย กรมหรือกองแยกออกมาเพื่อทำคดีและสร้างพนักงานสอบสวนชำนาญการขึ้นมาโดยเฉพาะ ถ้าให้พนักงานสอบสวนรับคดีทุกรูปแบบพร้อมๆ กัน ทำให้ไม่ชำนาญเลยสักเรื่อง”เธอเสนอทางออก 

อดีตผู้กำกับการสอบสวนฯ ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้ระบบโรงพัก เจ้าหน้าที่ที่เข้าเวร ณ เวลาเกิดเหตุจะเป็นคนรับคดี ซึ่งเหมือนเป็นการเสี่ยงดวงว่า เจอพนักงานสอบสวนแบบไหน 

“ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องการที่จะให้ทำงานเป็นรูปแบบของทีมหรือเครือข่ายระหว่างเจ้าพนักงานสอบสวน นักสังคมสงเคราะห์ และโรงพยาบาล ในการดูแลให้บริการและเยียวยาผู้เสียหาย เพื่อลดขั้นตอนที่ผู้เสียหายต้องไปติดต่อตามที่ต่างๆ”เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เธอถอดจากประสบการณ์ และว่า “คดีทางเพศเป็นคดีกระทบจิตใจคน คนที่เข้ามาทำก็ต้องเป็นคนที่มีใจที่อยากจะทำด้วยเช่นกัน”

เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญบุคคลเหล่านั้นต้องไม่มีมายาคติและไม่สนว่า เป็นคดีเล็กหรือใหญ่ ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ปัญหาตรงส่วนนี้ได้ เชื่อว่าก็จะทำให้การบริการดีขึ้นและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

จากมุมมองของผู้เขียนในประเด็นความรุนแรงว่าด้วยเหตุแห่งเพศ (Gender-Based Violence: GBV) ที่รอเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานที่ไร้ซึ่งหัวใจ กฎหมายที่แสนเย็นชา แท้จริงแล้วหาเพียงแต่สู้เพื่อ เพศหญิง ไม่ แต่เพื่อพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ ปวงประชา ที่อยู่ภายใต้การบริหารตามหลักอันชอบธรรมเท่านั้นเอง..

อ้างอิง

  • ธีรนัย จารุวัสตร์. คดีทางเพศมีทุกวัน แต่ ‘พนักงานสอบสวนหญิง’ ยังเป็นอาชีพที่ขาดแคลน. https://prachatai.com/. (2565) . แหล่งที่มา:  https://prachatai.com/journal/2022/04/98108. ค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2566.
  • รัตนาพร เขม้นกิจ และกิตติยา อรอินทร์. ‘ตำรวจหญิง’ นั้นสำคัญไฉน: คุยกับ ‘อดีตผู้กำกับหญิง’ ถึงความท้าทายของเพศสภาพในวงการสีกากี. https://prachatai.com/. (2564). แหล่งที่มา: https://prachatai.com/journal/2021/11/96130. ค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2566.
  • วารุณี สิทธิรังสรรค์. “หมอวิชัย เทียนถาวร” เผยทิศทาง สบช. ปี 66 ผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวให้โอกาสเด็กพื้นที่ห่างไกล. https://www.hfocus.org/. (2566). 
  • พฤภัทร ทรงเที่ยง. ผู้หญิงต้องทนกับอะไรบ้าง? UN Women เปิดสถิติความรุนแรงต่อผู้หญิงทั่วโลก. (2561). https://thestandard.co/. แหล่งที่มา: https://thestandard.co/un-women-violence-against-women/. ค้นเมื่อ 16 เมษายน 2566. 
  • ทอฝัน ช่วยชู. ‘พนักงานสอบสวนหญิง’ กลไกสำคัญให้เพศหญิงเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม. (2564). https://prachatai.com/. แหล่งที่มา: https://prachatai.com/journal/2021/12/96408. ค้นเมื่อ 25 มีนาคม 2566.
  • วงเสวนาตีแผ่ปัญหาเหยื่อละเมิดทางเพศ ขอหยุดตีตรา โยนบาปผู้หญิง อ้างแต่งตัวโป๊. (2565). https://prachatai.com/. แหล่งที่มา: https://prachatai.com/journal/2022/07/99390. ค้นเมื่อ 16 เมษายน 2566.

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ความทรงจำดีๆ จากเชียงใหม่ ถึง ‘บินหลา สันกาลาคีรี’ ผู้บินไกล

หลายคนรู้จักมักคุ้นชื่อ ‘บินหลา สันกาลาคีรี’ นักเขียนอารมณ์ดี เจ้าของผลงาน หลังอาน, ดื่มทะเลสาบ อาบทะเลทราย, บินทีละหลา,...

Lanner Joy: Midnight Rice Fest 2025 สร้างคนและพื้นที่ให้เชื่อมถึงกัน

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย, ภาพ: คน.ข้าวยาคู้.ช้างม่อย คืนก่อนวันเพ็ญเดือนสิบสอง แสงทองจากผางประทีปส่องระยิบระยับตามแนวกำแพงในวัดชมพู ย่านช้างม่อย กลิ่นถั่ว งา...

สารหนูปนเปื้อนสาละวิน คพ.ยันปลอดภัย นักวิจัยเตือนอย่าด่วนสรุปก่อนผลแล็บจริง

ภาพ: กรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ผศ.ดร.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่...

เครือข่ายชุมชนแม่ยาวเชียงราย ค้าน ‘ฝายดักตะกอน’  ชี้ไม่แก้ปัญหาน้ำกก ร้องรัฐบาลจริงใจแก้ปัญหาสารพิษข้ามพรมแดน

6 พฤศจิกายน 2568 ที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตร่วมกับเครือข่ายสิทธิชุมชนเชียงราย เป็นตัวแทนชุมชนชาติพันธุ์ในพื้นที่ ได้จัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอเตรียมเข้าสู่เวทีรับฟังความคิดเห็นของกรมทรัพยากรน้ำ...