จาก “คนล้านนารุ่นใหม่” ถึงการเรียกร้อง “มหาวิทยาลัยแห่งลานนาไทย” ย้อนดูการเคลื่อนไหวของ’คนเมือง’ ก่อนจะเป็น ‘มช.’

Date:

เรียบเรียงจาก “จาก ศรีเชียงใหม่ ถึง คนเมือง: สื่อหนังสือพิมพ์กับความคิดท้องถิ่นนิยมล้านนายุคแรกเริ่ม”

อ่าน “จาก ศรีเชียงใหม่ ถึง คนเมือง: สื่อหนังสือพิมพ์กับความคิดท้องถิ่นนิยมล้านนายุคแรกเริ่ม” ในคอลัมน์ออกข่วง https://www.lannernews.com/21092566-01/

เรื่อง: พริษฐ์ ชิวารักษ์

ประเทศไทยในช่วงทศวรรษ 2500 มีการเคลื่อนไหวในประเด็นต่างๆ เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการตื่นรู้ของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ การเข้าถึงแนวคิดสมัยใหม่ต่างๆ จุดฉนวนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประเด็นหนึ่งที่มีการกล่าวถึงและผลักดัน คือการฝนเน้นและพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือให้มีความเจริญก้าวหน้าเทียบเท่ากับเมืองหลวง สลักลึกอัตลักษณ์ล้านนาไม่ให้หายไปเป็นเพียงหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่จะถูกเขียนโดยส่วนกลาง และปัจจัยหนึ่งคือการมีมหาวิทยาลัยภาคเหนือเป็นของตัวเอง เกิดเป็นการเคลื่อนไหวในหมู่คนภาคเหนือขึ้น

การเคลื่อนไหวก่อนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยคนล้านนา-คนภาคเหนือ

ล้านนาเริ่มก่อรูปเป็น “ภาคเหนือ” ของประเทศไทย การเดินทางและติดต่อสื่อสารระหว่างล้านนา/ภาคเหนือกับสยาม/ภาคกลางเริ่มสะดวกสบายขึ้น และสังคมเศรษฐกิจของล้านนา/ภาคเหนือก็เกิดการขยายตัวจากการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนการเมืองจากกรุงเทพฯ พร้อมกับที่สายสัมพันธ์ทางการเมืองและธุรกิจระหว่างชนชั้นนำจนถึงชนชั้นกลางของทั้งสองภูมิภาคเริ่มแน่นแฟ้นขึ้น และการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นนี้ส่งผลให้เริ่มมีลูกหลานชนชั้นกลางล้านนาที่เข้ามารับการศึกษาในโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ 

การเข้ามาศึกษาในกรุงเทพฯ ทำให้คนล้านนาได้พบกับความเจริญที่ล้ำหน้าบ้านเกิดของตนเองไป ซึมซับเรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจในหมู่ปัญญาชนไทย ณ ขณะนั้น เช่น แนวคิดประชาธิปไตย แนวคิดชาตินิยม และแนวคิดก้าวหน้า ซึ่งเมื่อนักเรียนเหล่านี้ทยอยจบการศึกษาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว หลายคนเลือกประกอบเป็นนักหนังสือพิมพ์และมีบทบาทในการก่อรูปความคิดท้องถิ่นนิยมสมัยใหม่ในระยะแรกเริ่ม เพื่อพัฒนาล้านนาให้มีความเจริญทัดเทียมเมืองหลวง พร้อมทั้งต้องการศึกษาและสืบทอดอัตลักษณ์ล้านนาของตนตามหลักวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา มิให้สูญสลายกลายกลืนไปกับอัตลักษณ์ไทยอันมีสยามเป็นแกนกลางทั้งหมด

การย้ายถิ่นฐานของชาวล้านนาและการตื่นตัวในหมู่ “คนล้านนารุ่นใหม่” นำมาสู่การก่อตั้งสมาคมชาวเหนือ (The Northerner’s Association) ในช่วงปลายปี พ.ศ.2489 ได้จัดทำนิตยสาร โยนก ขึ้นเป็นนิตยสารของสมาคม โดยนัยก็คือเป็นปากเป็นเสียงของชาวล้านนาในกรุงเทพฯ และการกล่าวถึงล้านนาในฐานะการเป็น “ภาคเหนือ” มากขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อกำเนิดกลุ่มทุนท้องถิ่น และการหลั่งไหลเข้ามาของกลุ่มทุนการเมืองจากกรุงเทพฯ ผลักดันตลาดนักเขียนนักอ่านล้านนาให้เติบโตขึ้นมาก จนในช่วงทศวรรษ 2490 กลายเป็นยุคเฟื่องฟูครั้งแรกของสื่อสิ่งพิมพ์ในล้านนา โดยมีหนังสือพิมพ์ “คนเมือง” ที่มีบทบาทโดดเด่นในการเรียกร้องให้มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยประจำภาคเหนือหรือ “มหาวิทยาลัยแห่งลานนาไทย” ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปัจจุบัน


ภาพ: https://www.cmthainews.com/archives/19698

การผลักดันสู่การก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การส่งเสียงเรียกร้องมหาวิทยาลัยภาคเหนือผ่านหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์นั้นเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อสงัด บรรจงศิลป์ยังเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ชาวเหนือ เมื่อทองดี อิสราชีวิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเรื่องการก่อตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ หนังสือพิมพ์ ชาวเหนือ ภายใต้การบริหารของสงัดก็ได้รายงานข่าวการอภิปรายของทองดีและเชิญชวนให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว แต่ยังไม่มีความคืบหน้มากนัก ต่อมาเมื่อสงัดย้ายมาเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คนเมือง แล้วก็พยายามขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวอีกครั้งผ่านพื้นที่ของหนังสือพิมพ์ที่ตนบริหารอยู่ โดยได้เริ่มนำเสนอประเด็นในหนังสือพิมพ์ คนเมือง ฉบับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2496 หรือประมาณเดือนเศษหลังการก่อตั้งหนังสือพิมพ์เพียงเท่านั้น ต่อมาระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน – 24 กรกฎาคมในปีเดียวกัน หนังสือพิมพ์ คนเมือง ก็หยิบยกประเด็นมหาวิทยาลัยภาคเหนือมาสื่อสารในบทนำของหนังสือพิมพ์เป็นเวลาถึงแปดสัปดาห์ติดต่อกัน และยังเปิดหัวข้ออภิปราย “ควรตั้งมหาวิทยาลัยภาคเหนือหรือไม่ ?” ในคอลัมน์ออกข่วงเพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ซึ่งความคิดเห็นส่วนมากก็เป็นไปในแนวทางสนับสนุนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เพราะ “เป็นการเผยแพร่ศีลธรรม วัฒนธรรม และจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นลานนาไทย” และ “เชียงใหม่เป็นนครที่ใหญ่กว้างขวาง ภูมิประเทศเหมาะแก่การจะเป็นเมืองมหาวิทยาลัยมาก ทั้งอากาศก็สบาย การคมนาคม การสาธารณูปโภคก็สะดวกสมบูรณ์”


คอลัมน์ออกข่วงและข้อเขียนว่าด้วยมหาวิทยาลัยภาคเหนือที่มีผู้ส่งมาเผยแพร่  ภาพ: https://www.cmu.ac.th/th/article/d4116a5b-56ee-4d81-97ab-7ef8a768aa46

นอกเหนือจากที่นำเสนอข่าวและเปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นแล้ว หนังสือพิมพ์ คนเมือง ยังพยายามรณรงค์เคลื่อนไหวในสังคมด้วยการผลิตป้ายวงกลมสีแดงขนาด 4 นิ้วที่มีข้อความว่า “ในภาคเหนือ เราต้องการมหาวิทยาลัย” แจกจ่ายให้ผู้คนนำไปติดไว้ตามบ้านเรือน ร้านค้า กระทั่งเกวียนและกระจกรถ จนปรากฏเต็มไปทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหม่ และยังจัดทำแสตมป์สีแดงขนาดเล็ก ๆ ที่มีข้อความว่า “เราต้องการมหาวิทยาลัยประจำลานนาไทย” ไว้แจกให้ประชาชนนำไปติดรณรงค์บนซองจดหมายควบคู่กับแสตมป์ของจริงด้วย ถัดจากนั้น ยังจัดพิมพ์เอกสารคำปฏิญาณต่อสู้เพื่อให้ได้มหาวิทยาลัยภาคเหนือหรือที่รู้จักกันว่าใบปลิว “ห่วงมหาวิทยาลัย” แจกจ่ายให้ประชาชนได้ร่วมกันลงชื่อ นอกจากนี้ ทางหนังสือพิมพ์ยังจัดทำแผ่นสไลด์กระจกสีเขียนข้อความว่า “ขอสู้จนสุดใจขาดดิ้น เพื่อมหาวิทยาลัยแห่งลานนาไทย” และ “เราต้องการมหาวิทยาลัยประจำลานนาไทย” นำไปให้โรงภาพยนตร์ต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่เปิดฉาย กระตุ้นให้กระแสเรียกร้องมหาวิทยาลัยภาคเหนือและความคิดท้องถิ่นนิยมล้านนาขยายตัวขึ้นเป็นอย่างมากในหมู่ชาวเชียงใหม่และชาวล้านนาในจังหวัดอื่นๆ



อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ดังกล่าวทำให้หนังสือพิมพ์ คนเมือง ต้องเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับทางการอยู่บ้าง หลังจากที่ข่าวการรณรงค์เป็นที่รับรู้ของรัฐบาลแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็มีหนังสือส่งมาถึงผู้ว่าราชการเชียงใหม่ให้ดำเนินคดีกับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คนเมือง จากกรณีจัดพิมพ์แผ่นพับใบปลิวรณรงค์เรียกร้องมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แจกจ่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต สงัดจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำและถูกลงโทษปรับในข้อหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 เป็นจำนวนเงิน 50 บาท กล่าวกันว่าเดิมทีมีผู้เสนอให้ดำเนินคดีสงัดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้ประชาชนในภาคเหนือกระด้างกระเดื่องและลุกฮือขึ้นแบ่งแยกดินแดนล้านนาเป็นอิสระตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 แต่หลายฝ่ายเห็นว่าข้อหาดังกล่าวรุนแรงเกินข้อเท็จจริงเกินไป จึงไม่ได้มีการดำเนินการถึงขั้นนั้น

แม้ว่าการรณรงค์เรียกร้องมหาวิทยาลัยภาคเหนือของหนังสือพิมพ์ คนเมือง จะไม่ได้ส่งผลให้เกิดการตั้งมหาวิทยาลัยในภาคเหนือขึ้นโดยทันที แต่ก็ทำให้รัฐบาลกรุงเทพฯ รับรู้ได้ถึงความต้องการมหาวิทยาลัยของคนล้านนา เมื่อรัฐบาลได้หยิบยกประเด็นการก่อตั้งมหาวิทยาลัยประจำภูมิภาคขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งในปี พ.ศ.2502 จึงได้เลือกก่อตั้งมหาวิทยาลัยในภาคเหนือที่เชียงใหม่ขึ้นเป็นแห่งแรก เนื่องจากเห็นว่า “เป็นความต้องการของประชาชนโดยแท้จริง” การก่อสร้างมหาวิทยาลัยเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.2505 และเปิดดำเนินการเรียนการสอนในปี พ.ศ.2507 โดยใช้ชื่อ “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ดังเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...