ลำปาง ศูนย์กลางแค่พื้นที่ แท้จริงแล้วเป็นทางผ่าน

Date:

เราเชื่อว่าทุกคนมีความสัมพันธ์กับท้องถนน ไม่ว่าจะทุกข์ สุข เศร้า เครียด หรืออย่างไรก็แล้วแต่ ท้องถนนอยู่กับเราเสมอ ด้วยความที่มนุษย์ดำเนินชีวิตแบบต้องไปมาหาสู่เพื่อก่อร่างสร้างสังคม การเดินทางจึงเกิดขึ้น เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปท้องถนนจึงต้องปรับตัวตาม จากเส้นทางดินแดงสู่เส้นทางคอนกรีตแอสฟัลต์ วิวัฒนาการของท้องถนนนอกเหนือจากการเดินทาง เป็นการสะท้อนถึงความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมีถนนเส้นสำคัญผ่านเมือง ระหว่างทางเหล่านั้น คือ โอกาสทางเศรษฐกิจ ชีวิต และการเปลี่ยนแปลง เมื่อประกอบกับช่วงเวลาของการขยายตัวทางโลจิสติกส์ ท้องถนนยิ่งทวีความสำคัญขึ้นมากขึ้น กลายเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ของผู้ที่มองเห็นโอกาส 

‘ลำปาง’ เป็นหนึ่งจังหวัดที่พร้อมจะสถาปนาความสำคัญของการเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือ ผ่านการมีถนนเส้นสำคัญพาดผ่านไปยังจังหวัดขนาดใหญ่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน หรือจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ชายแดนที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่ประตูแห่งโอกาสอาจไม่เปิดนานนัก

การแบ่งทางหลวงที่ปรากฎเริ่มต้นด้วยหมายเลข 1 เป็นระบบเลขทางหลวงที่มีพื้นที่ตั้งในภาคเหนือ และการแบ่งหลักเลขทางหลวงจะมีความหมายของการระบุความสำคัญเอาไว้ เช่น เลขหนึ่งหลักเป็นถนนที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพ ฯ ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ถือเป็นถนนสายประธานเชื่อมการจราจรแบบภาคต่อภาค, เลขสองหลักเป็นถนนโครงการที่เชื่อมต่อกันกับเลขหนึ่งหลัก ถือเป็นการกระจายพื้นที่ให้บริการของทางหลวง ทั้งยังผ่านพื้นที่สำคัญของหลายจังหวัด, เลขสามหลักถือเป็นทางหลวงแผ่นดินสายรองประธาน เชื่อมต่อกับทางทางหลวงหมายเลขหนึ่งกับสองหลัก กระจายพื้นที่ไปยังพื้นที่ย่อย ส่วนเลขสี่หลักเป็นทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างจังหวัดกับอำเภอ

ณัฐพล ใจจริง ได้อธิบายความสำคัญของการมีเส้นทางคมนาคมผ่านการอนุมัติให้มีการก่อสร้างถนนว่าไว้ในบทความ การตัดถนนสมัยคณะราษฎร : อิสรภาพในการเดินทางและส่งเสริมความเจริญให้กับท้องถิ่นภายหลังการปฎิวัติ 2475 ว่า “รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาของระบบรางผนวกกับหลัก 6 ประการ อันมีเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องสร้างความสุขสมบูรณ์ให้กับราษฎร การอำนวยการคมนาคมให้เทศบาลที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่อันกระจายตัวทั่วประเทศตามหลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) ต้องเกิดขึ้น แต่เทศบาลจำนวนมากตั้งอยู่ห่างเส้นทางรถไฟ”

“รัฐบาลพระยาพหล ฯ จึงอนุมัติแผนการก่อสร้างบนถนนทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงหน่วยการปกครองท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เข้าหากันขึ้นและเพื่ออำนวยประโยชน์สุขในการคมนาคม ค้าขาย ดังนั้น แผนสร้างถนนจึงเป็นการปฎิวัติระบบคมนาคมโดยถนนแทนรถไฟหรือทางน้ำ”

“ถนนพหลโยธิน” หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ที่มีระยะความยาวกว่า 994.749 กิโลเมตร เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาสิ้นสุดที่ด่านพรมแดนแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถือเป็นเส้นทางของการเดินทางสู่ภาคเหนือ ผ่านจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก และผ่านจังหวัดลำปาง จังหวัดลำปางเป็นจังหวัดที่ถนนพหลโยธินพาดผ่านมากที่ความยาวกว่า 230 กิโลเมตร เริ่มจากอำเภอแม่พริก อำเภอเถิน อำเภอสบปราบ อำเภอเกาะคา อำเภอเมืองลำปาง อำเภอแม่เมาะ ท้ายสุดของจังหวัดลำปางที่อำเภองาว จากนั้นมุ่งสู่จังหวัดพะเยา และสิ้นสุดที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายที่เชื่อมต่อกับท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา

อีกหนึ่งถนนที่มีความสำคัญของประเทศที่ผ่านจังหวัดลำปาง คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ที่มีระยะความยาวกว่า 565 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (สายบางปะอิน – แยกหลวงพ่อโอ) ที่ทางแยกต่างระดับอินทร์บุรี ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี สิ้นสุดระยะทางที่เส้นบรรจบถนนนิมมานเหมินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ ถนนเส้นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางของการเดินทางสู่ภาคเหนือที่มีความสำคัญ ผ่านจังหวัดสิงห์บุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ และผ่านจังหวัดลำปาง ที่มีระยะความยาวกว่า 80.4 กิโลเมตร ผ่านอำเภอแม่ทะ อำเภอเมืองลำปาง (ระยะทางแม่ทะ – เมือง ใช้ชื่อถนนว่า “วชิราวุธดำเนิน”) และทิ้งทายที่อำเภอห้างฉัตร หลังจากนั้นจะเข้าสู่จังหวัดลำพูนและสิ้นสุดระยะที่จังหวัดเชียงใหม่ ความเชื่อมโยงของถนนเส้นนี้ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเป็นประตูสู่เมืองศูนย์กลางของภาคเหนืออย่างจังหวัดเชียงใหม่  

หลักฐานของหมุดหมาย “หลักกิโลยักษ์” ที่ตั้งตระหง่านกลางสี่แยกภาคเหนือ

สิ่งที่อยู่ควบคู่กับท้องถนน คือ หลักกิโลที่บ่งบอกระยะทางของการเดินทางตามจุดหมายปลายทางที่ต้องการเดินทาง หากใครเดินทางผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ย่อมต้องพบเจอกับการตั้งตระหง่านของหลักกิโลเมตรขนาดใหญ่ มีความสูง 14 เมตร กว้าง 7 เมตร สร้างขึ้นบริเวณแยกห้าเชียง หลักกิโลเมตรที่ 597 ตำบลชมพู อำเภอเมืองลำปาง การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าในจังหวัดลำปาง กลายเป็นอีกหนึ่งความน่าตื่นตาตื่นใจและเป็นหมุดหมายของการเดินทางมาถึง “ลำปาง” แล้ว ทั้งยังถูกทำให้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งของที่ระลึกของจังหวัดลำปาง

สาเหตุในการสร้างหลักกิโลเมตรขนาดมหึมานี้ขึ้นนั้นต้องย้อนไปเมื่อ 16 ปีก่อน ดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางในขณะนั้นต้องการสร้างหลักกิโลเมตรยักษ์นี้ขึ้นมาเพื่อชูแผนการพัฒนาของจังหวัดลำปางตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 เพื่อให้ลำปางเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือตอนบน

บทความ มันเป็นเรื่องความผิดหวัง เปิดที่มา หลัก กม. ยักษ์ ที่ลำปาง ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2551 ดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางในขณะนั้น กล่าวว่า “ทางจังหวัดได้สร้างเสาหลักกิโลเมตรดังกล่าวขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อชูแผนการพัฒนาของจังหวัดลำปางตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ให้จังหวัดลำปางเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือตอนบน ต่อมาได้มีแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดศูนย์กลาง ทำให้มหาวิทยาลัยที่จะสร้างขึ้นที่ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง ต้องย้ายไปสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่แทน นอกจากนั้นหน่วยงานราชการที่สำคัญหลายแห่งถูกย้ายไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้จังหวัดลำปางหมดโอกาสเป็นเมืองศูนย์กลางไปทันที”

สำหรับเมืองที่หลักกิโลเมตรดังกล่าวบอกระยะทางนั้น ประกอบด้วยพื้นที่สำคัญอย่างจังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดเชียงราย, เมืองเชียงตุง , เมืองเชียงทอง, เมืองเชียงรุ่ง, สี่แยกอินโดจีน, กรุงเทพ ฯ , เมืองย่างกุ้ง, เมืองดานัง, จังหวัดนราธิวาส จนถึงเมืองที่ไกลที่สุด คือ สิงคโปร์ นับว่ามีจุดประสงค์ในการสะท้อนความเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งการเป็นทางผ่านได้เป็นอย่างดี หากพิจารณาจากเมืองที่ระบุไว้ในหลักกิโลยักษ์ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของการคมนาคมที่ไปไกลกว่าจะเป็นเพียงการเดินทางภายในจังหวัดหรือภายในประเทศ เมื่อประกอบกับข้อมูลในอดีตที่สะท้อนถึงโอกาสของจังหวัดลำปางที่ไม่สามารถฉุดรั้งไว้ได้ ยิ่งปัจจุบันมีการเปิดใช้สะพานยกระดับข้ามแยกที่อยู่ใกล้เคียงกับหลักกิโลยักษ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรผ่านเมืองลำปางอย่างรวดเร็วมากขึ้น ส่งผลให้ความสำคัญในฐานะศูนย์กลางของการเดินทางนั้น ลดน้อยถอยลงไปอย่างน่าเสียดาย

แผนพัฒนาลำปางกับการเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางผ่านถนน อีกครั้ง

“ลำปาง เมืองแห่งความสุข 2 มิติ (Livable & Smart city)” คือ วิสัยทัศน์ลำปางระยะ 5 ปี 2566 – 2570 แต่เมื่อมาตรวจดูพบว่า วิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ขึ้นมาใหม่ในแผนพัฒนาจังหวัดลำปาง 2566 – 2570 (ฉบับทบทวน) ซึ่งแผนพัฒนาจังหวัดลำปาง 2566 – 2570 ฉบับแรกนั้นระบุวิสัยทัศน์ไว้ว่า “ลำปางเมืองแห่งการเรียนรู้ เชื่อมโยง สร้างสรรค์ น่าอยู่ ยั่งยืน”  ถือเป็นการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของลำปางที่เปลี่ยนแปลงอันขาดการกล่าวถึง “ความเชื่อมโยง” ไปเสียแล้ว

มิติของพัฒนาพื้นที่บนท้องถนนของลำปาง อยู่ภายใต้การดำเนินงานของแขวงทางหลวงลำปาง ที่ 1 – ที่ 2 และแขวงทางหลวงชนบทลำปาง หากพิจารณาความยาวของถนนในพื้นที่จังหวัดลำปาง รวมระยะความยาวทั้งสิ้น 1,557.630 กิโลเมตร (รวมทางหลวงสายหลักแล้ว) 

ในแผนดังกล่าวยังคงปรากฎว่าจะมีการผลักดัน Lampang Smart Link city เพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ : NEC – Northern Economic Corridor ที่ระบุเรื่องการผลักดันถนนวงแหวนเพื่อให้สามารถรอบรับกับระบบขนส่งในอนาคตและอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่จังหวัดใกล้เคียง ทั้งยังมีการวางแผนให้ลำปางเป็น Logistic Ecosystem ที่วางระบบการขนส่งมวลชนให้เกิดความสะดวกสร้างความเป็น “ศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง” เพิ่มพื้นที่การลงทุนรอบถนนวงแหวน ลงทุนพัฒนาเรื่องของโกดังสินค้า ทั้งยังวางเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าผ่านการขนส่งทางถนน

เป้าหมายจากแผนพัฒนาจังหวัดถือเป็นเรื่องที่มีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง หากพิจารณาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และอนุมานความเป็นไปได้ในอนาคต การพัฒนาลำปางผ่านการใช้ท้องถนนเป็นเครื่องมือของการสถาปนาความเป็นศูนย์กลาง อาจเป็นเรื่องที่ล่วงเวลามาอย่างน่าเสียดาย ยิ่งการเป็นศูนย์กลางของการเดินทาง ที่การวางแผนวิสัยทัศน์กับแนวปฎิบัติต่างกันอย่างสิ้นเชิง ย่อมทำให้โอกาสที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการมีถนนเส้นสำคัญผ่านนั้นลดน้อยลงไป

อ้างอิง

ห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากบทบาทการเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองสู่การเป็นผู้ค้นคว้าพัฒนาการของเมือง ชวนตั้งคำถามจากเรื่องราวปกติที่พบเจอ สู่การค้นหาคำตอบของสิ่งนั้น พร้อมกับการค้นพบใหม่ของเรื่องราวที่หลายคนยังไม่เคยรับรู้ บทบาท “นักชวนสงสัย” ฝั่งรากมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อเจริญเติบโตขึ้นความเป็นนักชวนสงสัย จึงได้ขยายกลายเป็น “นักค้นหาเรื่องราว” ที่พร้อมจะท้าทายทุกเรื่องด้วยความจริง

พินิจ ทองคำ
พินิจ ทองคำ
ห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากบทบาทการเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองสู่การเป็นผู้ค้นคว้าพัฒนาการของเมือง ชวนตั้งคำถามจากเรื่องราวปกติที่พบเจอ สู่การค้นหาคำตอบของสิ่งนั้น พร้อมกับการค้นพบใหม่ของเรื่องราวที่หลายคนยังไม่เคยรับรู้ บทบาท “นักชวนสงสัย” ฝั่งรากมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อเจริญเติบโตขึ้นความเป็นนักชวนสงสัย จึงได้ขยายกลายเป็น “นักค้นหาเรื่องราว” ที่พร้อมจะท้าทายทุกเรื่องด้วยความจริง

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...