#ตากใบต้องไม่เงียบ 20 ปีคดีตากใบ นักกฎหมายร้องแก้กฎหมายด่วน ก่อนหมดอายุความ-ญาติยังรอความยุติธรรม

Date:

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2567 เวลา 13.30 – 16.00 น. ณ ห้องจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมูลนิธิทนายความมุสลิม จัดเสวนาวิชาการในหัวข้อ “คดีอาญาตากใบขาดอายุความ ความรับผิดชอบใคร จะดำเนินคดีต่อได้หรือไม่?

รศ. ดร. ปกป้อง ศรีสนิท คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้อำนาจของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ท่านกล่าวว่าแม้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งที่ทุกประเทศปฏิบัติ แต่การใช้อำนาจรัฐทุกครั้งต้องเคารพหลักการสิทธิมนุษยชน การจับกุมหรือดำเนินการใดๆ ต่อผู้ต้องสงสัยที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การทรมาน ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

รศ. ดร. ปกป้อง ได้กล่าวถึงพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนไทย กฎหมายนี้กำหนดให้การบังคับใช้กฎหมายต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ห้ามทรมานประชาชน และห้ามละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงห้ามการอุ้มหาย

ภาพ: The Patani

อย่างไรก็ตาม รศ. ดร.ปกป้อง ชี้แจงว่ากฎหมายฉบับนี้อาจไม่สามารถนำมาใช้กับคดีตากใบได้ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ในขณะที่คดีตากใบเกิดขึ้นมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งตามหลักกฎหมายอาญาและหลักสิทธิมนุษยชน ไม่สามารถนำกฎหมายไปใช้ย้อนหลังได้

“ในคดีตากใบ พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องแล้ว โดยไม่ได้ฟ้องในข้อหาทรมาน แต่เป็นการฟ้องในข้อหาฆ่าคนตายหรือทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ปัจจุบันผู้ต้องหาได้หลบหนีไปต่างประเทศและคดีใกล้จะหมดอายุความในอีกไม่กี่วัน ท่านตั้งคำถามว่าเมื่อมีการสั่งฟ้องแล้วและคดีใกล้หมดอายุความ ผลในทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร”

ในส่วนของหลักเกณฑ์เรื่องอายุความในคดีอาญาของประเทศไทย รศ. ดร.ปกป้องยังอธิบายว่าความผิดอาญาที่มีอายุความยาวนานที่สุดคือ 20 ปี นับจากวันกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ในกรณีคดีฆ่าคนตายที่มีโทษรุนแรงสุด หากไม่ได้ฟ้องหรือไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาศาลภายใน 20 ปี จะถือว่าคดีขาดอายุความ ท่านยังอธิบายว่าต้องมีสองเงื่อนไขประกอบกัน คือ ต้องมีคำสั่งฟ้องและต้องมีตัวผู้ต้องหามาที่ศาล คดีจึงจะไม่ขาดอายุความคณบดีคณะนิติศาสตร์ ได้เปรียบเทียบระบบอายุความของไทยกับต่างประเทศ โดยชี้ให้เห็นว่าอายุความไม่ใช่หลักสากล ในต่างประเทศมีสองระบบหลัก คือ ระบบที่มีอายุความเพื่อเร่งรัดกระบวนการยุติธรรมและป้องกันการสูญหายของพยานหลักฐาน เช่น ในประเทศฝรั่งเศสและยุโรป และระบบที่ไม่มีอายุความในคดีร้ายแรง เช่น คดีฆาตกรรมในบางประเทศสามารถดำเนินคดีได้ทุกเมื่อ

นอกจากนี้ได้กล่าวถึงความเป็นสากลในเรื่องอายุความ โดยอธิบายว่ามีความตรงกันในความผิดทางอาญาร้ายแรงสูงสุด 4 ฐานความผิดตามธรรมนูญกรุงโรม ได้แก่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมรุกราน ซึ่งไม่มีอายุความและเป็นที่ยอมรับสากล หากไม่ต้องการให้ผู้กระทำความผิดใช้ช่องว่างของอายุความ 20 ปีในการหลบหนีไปต่างประเทศแล้วกลับมาเมื่อคดีหมดอายุความ อาจต้องพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับอายุความในประเทศไทย 

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาอายุความในคดีอาญา รศ. ดร.ปกป้อง มีข้อเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้คดีอาญาสิ้นสุดลงด้วยเหตุขาดอายุความ ท่านอ้างอิงหลักกฎหมายของฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดให้หยุดนับอายุความในกรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลบหนีไปต่างประเทศ ท่านชี้ให้เห็นว่าในประเทศไทยยังไม่มีบทบัญญัติเช่นนี้ในคดีอาญาทั่วไป

“การแก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช. เมื่อปี 2554 ซึ่งกำหนดให้คดีทุจริตที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีอายุความ แต่ยังไม่ครอบคลุมถึงคดีอาญาฆาตกรรม อย่างไรก็ตามความเห็นว่าการแก้ไขกฎหมายอายุความเพื่อให้ครอบคลุมคดีตากใบนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเวลาที่ต้องดำเนินการภายใน 5 วัน”

ขณะที่ รศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา แสดงความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายอายุความสำหรับคดีตากใบ โดยระบุว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากต้องดำเนินการภายใน 5 วัน อีกทั้งแนวทางของศาลฎีกายังมองว่าอายุความเป็นกฎหมายอาญา ซึ่งหากมีการแก้ไขแล้วส่งผลร้าย จะไม่สามารถบังคับใช้ย้อนหลังได้

รศ. ดร. ปริญญา ชี้ให้เห็นว่าปัญหาของไทยคือกฎหมายอายุความที่เขียนในลักษณะส่งเสริมให้ผู้กระทำความผิดหลบหนีจนคดีขาดอายุความ แล้วกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ หากต้องการแก้ไขกฎหมายให้ทันภายใน 5 วัน รัฐบาลอาจต้องออกเป็นพระราชกำหนด และเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 22 ตุลาคมนี้

รศ. ดร.ปริญญา อ้างถึงมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า บุคคลจะรับผิดทางอาญาตามที่กฎหมายบัญญัติ และรับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติในขณะนั้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของศาลฎีกา และหากรัฐบาลจะออกพระราชกำหนด ก็มีรัฐธรรมนูญข้อนี้รองรับการบังคับใช้ย้อนหลังได้ คดีตากใบเป็นคดีอาญา ฐานฆ่าผู้อื่น ร่วมกันฆ่าผู้อื่น และกักขังหน่วงเหนี่ยว แม้ว่าอายุความจะขาดในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ก็ไม่ได้หมายความว่าจำเลยตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาสจะพ้นผิด พวกเขายังคงมีความผิดแต่ไม่สามารถลงโทษได้

“สิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลคือการแก้ไขกฎหมายอย่างน้อยในรูปแบบร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวังอย่างแน่นอน โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ยังเสนอว่าความผิดที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนจนถึงแก่ความตายและการคอร์รัปชันไม่ควรมีอายุความ”

ด้าน อับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีตากใบ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เป็นธรรมในพื้นที่ชายแดนใต้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทนายอับดุลกอฮาร์ระบุว่า กลไกกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบันไม่สามารถอำนวยความเป็นธรรมในพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในกรณีการไต่สวนการตาย ซึ่งควรนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีหลายกรณีที่ผู้กระทำความผิดลอยนวล

อับดุลกอฮาร์ยังอธิบายถึงกระบวนการไต่สวนการตาย ซึ่งต้องมีการส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาว่ามีการกระทำความผิดทางอาญาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในคดีตากใบ พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าไม่เป็นผลต่อความผิดในคดีอาญา และส่งต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเห็นชอบตามความเห็นดังกล่าว ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่มีผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ทุกปีจะมีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงเหตุการณ์ตากใบ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี จนกระทั่งในปี 2566 มีการรวมกลุ่มกันฟ้องร้องทนายความเน้นย้ำว่าปัญหาในพื้นที่ยังคงมีอยู่ และความยุติธรรมเป็นปัญหาหลักที่สะท้อนออกมาในกระบวนการยุติธรรมปัจจุบัน จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกลไกการไต่สวนการตายให้สามารถนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ภาพ: The Patani

ขณะที่ มูฮัมมัดสาวาวี อูเซ็ง ในฐานะผู้แทนญาติผู้เสียหายคดีตากใบ ได้แสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ต่อกระบวนการยุติธรรมและการดำเนินการของภาครัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว โดยเน้นย้ำถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่ทวีคูณขึ้นเมื่อคดีใกล้จะหมดอายุความ ทั้งนี้ เขาได้ชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการสืบสวนสอบสวน ซึ่งนำไปสู่การสูญหายของสำนวนคดีและการปัดความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้แสดงความสงสัยต่อความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมในสายตาของประชาชน

อูเซ็งยังได้วิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการของรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการลาออกของพลเอกพิศาลจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเขามองว่าเป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ขาดความน่าเชื่อถือ ท้ายที่สุด เขาได้เน้นย้ำถึงความไม่สมดุลของอำนาจระหว่างผู้เสียหายและรัฐบาล พร้อมทั้งแสดงความกังวลต่อโอกาสในการได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคดีเหลือเวลาเพียง 5 วันก่อนที่จะหมดอายุความ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการแสวงหาความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิตในคดีนี้

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กลุ่มรักษ์เชียงของยื่นฟ้องนายกฯ–กฟผ. ปมเขื่อนปากแบง หวั่นแม่น้ำโขงกลายเป็น ‘อ่างตะกอนพิษ’

12 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มรักษ์เชียงของ พร้อมประชาชน นักวิชาการ และทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ฟ้องนายกรัฐมนตรี...

ทหารเกณฑ์ดับในค่ายพิษณุโลก มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจี้สอบเหตุละเมิดสิทธิ

11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารเกณฑ์รายหนึ่งเสียชีวิตภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก หลังเข้ารับการฝึกเพียงไม่ถึง 10...

เครือข่าย กก สาย รวก โขง ยื่น 5 ข้อ แก้ปัญหาน้ำปนสารพิษ ด้านรัฐบาลยืนยันยุติโครงการฝาย

ภาพ: สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต 11 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300...

มติเอกฉันท์ คนท่าตอน ‘ไม่เอาฝายดักตะกอน’ ชี้ต้องการ ‘น้ำสะอาด’ เร่งด่วนกว่า

10 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย ท่ามกลางความสนใจของประชาชนกว่า...