121 ปี ปลดพันธนาการกบฏเงี้ยวเมืองแพร่

24 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ได้ทำพิธีตานขันข้าว อุทิศส่วนกุศลให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์กบฏเงี้ยว เมืองแพร่ เนื่องในโอกาสครบ 121 ปี ณ วัดจองกลาง วัดพม่าประจำจังหวัดแพร่ 

จากการต่อสู้ของชาวเงี้ยว หรือไทใหญ่หรือไทเขิน กลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในดินแดนล้านนามาหลายร้อยปี เกิดความไม่พอใจรัฐบาลสยาม จากปัญหาสืบเนื่องจากสนธิสัญญาเบาวริ่ง ว่าด้วยการห้ามมีสิทธิในที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย หากเป็นคนในบังคับของอังกฤษ ทั้งสยามเองก็ใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด กอปรด้วยการปฏิรูปมณฑลพายัพของสยาม ดึงอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางมากขึ้น อาทิ การให้ข้าหลวง, เจ้านายจากสยามมาปกครองท้องถิ่น ทั้งยังให้เจ้านายส่วนท้องถิ่นเข้าไปอยู่ในการควบคุมของส่วนกลาง โดยอ้างถึงการป้องกันภัยคุกคามจากจักรวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีการปฏิรูปการเก็บภาษี โดยจะต้องจ่ายเป็นเงิน ยกเลิกการจ่ายเป็นผลผลิตแทนเงิน ทั้งยังมีการเพิ่มภาษีอากร จึงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนในท้องถิ่น จนนำมาสู่การเกิดกบฏเงี้ยว พ.ศ. 2445

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ ได้อุทิศส่วนกุศล ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ดังกล่าว ได้แก่  

พะกาหม่อง และสะลาไปไชย พร้อมด้วยมิตรสหายร่วมรบ นักโทษ 8 คน ซึ่งต้องโทษประหารชีวิต คือ อ้ายเปง อ้ายเชียว อ้ายมาล่าม อ้ายน้อยนะ อ้ายดื้อ พระยาญาติ และอ้ายต้นต้าน

นักโทษที่ถูกส่งมาจำคุกที่ กรุงเทพฯ ได้แก่ 

1. หนานพียะ ลาว

2. โสม ลาว

3.สล่าปา เงี้ยว

4.หม่องหลวง พม่า

5. ส่างกราน พม่า

6.คำพีระ เงี้ยว 

7. น้อยใจ ลาว 

8. ส่างยอน เงี้ยว 

9. หม่องปลิว พม่า 

10. หม่องกาซิน แขก 

11. หม่องย่ง พม่า 

12.ส่างน้อย เงี้ยว 

13. คำยี เงี้ยว 

14.ส่างหมูลินต๊ะ เงี้ยว 

15. ส่างคำ เงี้ยว 

16.ปู่มอง เงี้ยว 

จำเลยผู้ต้องประหาร 5 คนในบังคับอังกฤษ คือ หม่องน้อยเล และ ทวากนันต๊ะ ชาวบ้านร่องกาด คือ หนานวงศ์ พญายอด

ร้อยตำรวจตรี ตาด โกมารทัต และ นางคำ ภรรยา พร้อมตำรวจอีก 6 นาย เจ้าพระยาไชยบูรณ์ และครอบครัว 

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี และทหารลูกทัพ, พระจรรยายุตกฤต ผู้พิพากษา, หลวงปฏิเวทย์สารวิทย์ ผู้พิพากษา, หลวงนิติธรรมพิทักษ์ พนักงานอัยการ

และฝ่ายเจ้านาย ดังนี้

1.พระไชยสงคราม

2. พระเมืองไชย

3. น้อยปุ่ม

4.น้อยสวน

5.เจ้าหลวงพิริยะ เทพวงศ์ แม่เจ้าบัวไหล เจ้าราชบุตร และครอบครัวบริวาร

หลังจากที่มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศล ทางเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ ได้แสดงสัญลักษณ์ เดินแห่จำลองกบฏเงี้ยว ล่ามโซ่ตรวน ใส่ขื่อ และตุงแดงนำทาง จากประตูตาด-คำ หน้าสถานีตำรวจภูธร จังหวัดแพร่ ซึงเป็นจุดที่ชาวเงี้ยวจำนวนกว่า 50 คน ได้บุกเข้ามาได้สังหารข้าราชการจากสยาม คือ ร้อยตำรวจตรี ตาด โกมารทัต และ นางคำ ภรรยา จึงได้บันทึกชื่อประตูดังกล่าวว่า “ตาด คำ” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เหตุการณ์ดังกล่าว

ระหว่างการเดิน ไปถึงคุ้มเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์  มีการส่งเสียงจากทางเครือข่ายฯ เป็นระยะว่าด้วย การปลดปล่อยพัฒนาการจากโซ่ตรวจ, การคืนอำนาจสู่สามัญชน โดยบนตุงแดง ได้มีข้อความ ชาติพันธุ์ก็คือคน, กระจายอำนาจไม่เท่ากับแบ่งแยกดินแดน, เท่าเทียมเสรีภาพ, คืนอำนาจให้ประชาชน, Respect My Vote, ปลดพัฒนาการทุกการกดขี่

ทั้งนี้ ในตอนท้ายทางเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ ได้ระบุถึงการจัดกิจกรรมในวันนี้ว่านอกเหนือไปจากการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว ยังเป็นไปเพื่อการตั้งคำถามต่อรัฐ ที่ประชาชนทุกคนควรมีสิทธิในการพูดถึงปัญหาของตนจากการปกครองที่เผชิญอยู่ได้ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์กบฏเงี้ยว อันเกิดจาการถูกกดทับจากอำนาจของรัฐส่วนกลาง ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นไม่สามารถตั้งคำถามต่อการปกครองจากส่วนกลาง จึงนำมาสู่การล้อมปราบกบฏ ในขณะที่ปัจจุบันประชาชนพยายามที่จะเลือกใช้สันติวิธี เช่นจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เรามีความหวังว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงส่วนมากที่ประชาชนเป็นผู้เลือก อยากให้รัฐบาลที่หวัง เข้าไปผลักดัน เรียกร้องด้านสิทธิมนุษยชน สิทธิการกระจายอำนาจ แต่รัฐเองยังคงใช้ทางลัดของกฎหมายซึ่งเป็นผู้เขียนขึ้นเอง รักษาไว้ซึ่งอำนาจ ทั้งยังคงปรากฏการใช้ความรุนแรงกับประชาชนเสมอมา เห็นได้ว่าเขา (รัฐ) ไม่ได้ประนีประนอมกับเรา 

คำประกาศปลดพันธนาการกบฏเงี้ยวเมืองแพร่

เราจักกล่าวถึงฟ้า ลั่นวาจากับดิน ด้วยทุกคำเรียกขานในนามประชาชนผู้ทรงสิทธิ์

ขอตั้งจิตอธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวบุตร เทวดา ตลอดจนสัมภเวสี ผีฟ้า ชาวประชาทั้งหลาย ณ ที่แห่งนี้ และดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ผู้ถูกกดขี่สละเลือดโชลมแผ่นดินเมืองแพร่ ขอจงสดับรับฟัง แล้วหลอมรวมร่วมเป็นสักขีพยานในคำประกาศปลดพันธนาการวาทกรรม “กบฏเงี้ยวปล้นเมืองแพร่”

ตลอดเวลา 121 ปี วาทกรรมนี้เป็นดั่งประหนึ่งโซ่ตรวน ตีตรา ฉุดรั้ง กักขังบดบังดวงตาประชาชน ให้อดทนเชื่องเชื่อสยบยอมต่อผู้กดขี่ ให้หลงลืมสิ้นการต่อสู้ของชาวบ้านชาวนา ตาสีตาสา ไพร่ทาสทุกผู้ทุกคน ทุกเชื้อเครือสาย ทุกเผ่าพงศ์วงพันธุ์ ที่ได้ผนึกกำลังลุกฮือขึ้นเพื่อปลดแอกตนเองและแผ่นดินถิ่นเกิด ออกจากความแร้นแค้น พ้นจากยุคเข็ญ แลอำนาจที่กดทับอันเป็นสันดานของนักล่าที่ข่มเหงกดขี่เมืองประเทศราช

เมื่อไม่จำนนต่ออำนาจอธรรม แม้ต้องแตกพ่ายเพราะมีดดาบมิอาจสู่ดินปืน จิตวิญาณเสรีย่อมต่อต้านขัดขืนจนตกตาย ทั้งยังถูกลดทอนทำลายเจตนารมณ์แห่งเสรีที่แลกด้วยชีวิตและวิญญาณ ให้เป็นเพียงโจรเงี้ยวปล้นเมือง

121 ปี ที่บรรพบุรุษเรา ต้องพลัดพราก สูญหาย ล้มตาย จากการกดปราบ

121 ปี ที่รากเชื้อเครือเรา ต้องหวาดกลัว ระส่ำระสาย กลืนกลาย จากการประณาม

121 ปี ที่ปู่ย่าตายายเรา ต้องละทิ้ง ลบราก หลงลืม จากการตีตรา

121 ปี ที่คนแพร่เรา ต้องทับถม กลบฝัง กังขา จากประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง

วันนี้ 24 กรกฎาคม พุทธศักราช 2566  ต่อหน้าผู้มีอำนาจทั้งหลาย และมิตรสหายร่วมอุดมการณ์ เราขอกล่าวกับฟ้า เราลั่นวาจากับดิน ในนามผู้สานต่อเจตนารมณ์และจิตวิญญาณกบฏเงี้ยว

จักประกาศปลดปล่อยดวงวิญญาณทุกดวงของวีรชนคณะผู้ก่อการปลดแอกเมืองแพร่  ในพุทธศักราช 2445 ที่ถูกจำจองไว้ด้วยภาพจำโจรกบฏร้ายปล้นบ้านเมือง ปลดเปลื้องทุกพันธนาการวาทกรรม “กบฏเงี้ยวปล้นเมืองแพร่” เยียวยาประวัติศาสตร์บาดแผลในอดีต พร้อมกับการส่งต่อจิตวิญญาณของคณะผู้ก่อการ ผู้ซึ่งไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรม แล้วหลอมรวมเป็นอุดมการณ์ของผู้คนที่มีความหวัง ความฝัน ผู้ซึ่งอยากเห็นสังคมที่เป็นธรรม พร้อมกับการปักหมุดหมายการกระจายอำนาจ ปลดซึ่งพันธการรัฐรวมศูนย์ในผืนแผ่นดินนี้

ประกาศไว้ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม พุทธศักราช 2566

เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากผู้เขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง