เว็บไซต์ Justice For Myanmar ได้เผยแพร่บทความที่ระบุถึง กองทัพกะเหรี่ยงที่เข้าร่วมกับ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน Border Guard Force (BGF) หรือกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง Karen National Army (KNA) ที่ในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธที่เข้าร่วมกับกองทัพเมียนมา ได้ก่อการละเมิดและก่ออาชญากรรมสงคราม โดยการสังหารพลเรือน ข่มขืน ทรมาน การกักขังโดยพลการ บังคับพลเรือนไปเป็นลูกหาบระหว่างการสู้รบ การขู่กรรโชกและยึดที่ดินชาวบ้าน ทั้งนี้พวกเขายังควบคุมกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น คาสิโน การพนันออนไลน์ และศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Gang Call Center โดยใช้แรงงานจากการหลอกค้ามนุษย์ข้ามชาชาติ นอกจากนี้ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้กระทำปฏิบัติการที่โหดเหี้ยมทารุณร่วมกับกองทัพเมียนมาอีกด้วย
อ่าน เปิดเครือข่ายธุรกิจสีเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF [2]: เครือข่ายศูนย์หลอกลวงออนไลน์ด้วยความร่วมมือกับจีนเทาและพวกพ้อง และ เปิดเครือข่ายธุรกิจเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF [3]: ‘ไทย’ แหล่งพลังงานให้ศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์และธุรกิจอื่นๆ ในรัฐกะเหรี่ยง
ต้นกำเนิดกองทัพกะเหรี่ยงแปรพักตร์
กองทัพกะเหรี่ยง BGF นำโดยพันเอก ซาน มยิน (ซึ่งใช้นามแฝงว่า ซอ ชิต ตู่ หรือ หม่อง ชิต ตู่ ) เป็นผู้สร้างเครือข่ายธุรกิจอาชญากรรมร่วมกับครอบครัวและพรรคพวก โดยควบคุมพื้นที่บางส่วนในฝั่งตะวันออกของรัฐกะเหรี่ยง ผ่านการร่วมมือกับกองทัพเมียนมาที่กำกับดูแลคาสิโนผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ และศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ที่ดำเนินงานด้วยการค้ามนุษย์ข้ามชาติเพื่อนำเข้าแรงงาน ซึ่งแรงงานเหล่านี้ถูกทรมาน ถูกบังคับขู่เข็ญให้ทำงานผิดกฎหมาย
ในเดือนมีนาคม 2024 กองทัพกะเหรี่ยง BGF ได้เปลี่ยนชื่อเป็น KNA เพื่อแสดงถึงการแยกตัวจากกองทัพเมียนมา ต่อมาในเดือนเมษายน หลังจากที่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลสามารถยึดฐานทัพของกองพันทหารราบเบาที่ 275 ใกล้จุดยุทธศาสตร์ที่เมียวดีได้สำเร็จ กลับมีรายงานว่ากองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ได้ให้การสนับสนุนกองกำลังของเผด็จการทหารเพื่อการยึดฐานทัพดังกล่าวคืน โดยปัจจุบันกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ได้ดูแลความปลอดภัยในตัวเมืองเมียวดี และสนับสนุนกองกำลังฝ่ายเผด็จการในการควบคุมสถานที่สำคัญต่าง ๆ รวมถึงสะพานข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาสองแห่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้ BGF/KNA ครอบครองผลประโยชน์จากธุรกิจอาชญากรรมในพื้นที่ได้อย่างมั่นคง แม้ว่าจะประกาศให้ชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจออนไลน์” ออกจากพื้นที่ก่อน 31 ตุลาคม Justice For Myanmar ได้ใช้ข้อมูลที่เปิดเผยและข้อมูลทางธุรกิจเพื่อสืบสวนโครงสร้างทางธุรกิจและบุคคลที่มีบทบาทสำคัญของ BGF/KNA ในเครือข่ายธุรกิจอาชญากรรมนี้ โดยในการสืบสวนใช้รายงานธุรกิจจากเมียนมาตั้งแต่ปี 2022-2023 (ก่อนที่เผด็จการทหารจะระงับการเข้าถึง) รวมถึงข้อมูลจากประเทศไทยและฮ่องกงในปี 2024 นอกจากนั้นยังใช้ข้อมูลจากเอกสารการยื่นภาษีในเมียนมาและเอกสารของบริษัทหลายชิ้นที่รั่วไหลออกมา รวมถึงบันทึกที่ถูกปล่อยโดย Distributed Denial of Secrets (DDOS) , โพสต์บนโซเชียลมีเดียจากสมาชิก BGF/KNA และผู้ที่เกี่ยวข้อง, โพสต์บนโซเชียลของเหยื่อการหลอกลวงออนไลน์, เว็บไซต์ของบริษัท, ภาพถ่ายทางดาวเทียม, การรายงานขององค์กรภาคประชาสังคม และการรายงานของสื่อ
แม้ว่ากองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA จะยังคงละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายอาญาระหว่างประเทศรวมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ก็มีเพียงสหราชอาณาจักรเท่านั้นที่มีมาตรการคว่ำบาตรสองบุคลากรของ BGF/KNA และผู้ที่เกี่ยวข้องอีกคนหนึ่ง
ด้าน Justice For Myanmar กลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารเมียนมา เรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างเร่งด่วนกับกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA รวมถึงเครือข่ายของบริษัทและบุคคล อย่าง ซาน มยิน และครอบครัวของเขา
รัฐบาลในภูมิภาคควรมีมาตรการต่อพลเมืองผู้อาศัยและบริษัทจดทะเบียน ที่อนุญาตและรับผลประโยชน์จากอาชญากรรมข้ามชาติและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเมียนมา โดยวัดความรุนแรงของมาตรการจากระดับของการเกี่ยวข้อง ในมาตรการนี้ควรรวมถึงการยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหรือใบอนุญาตทำงาน/พำนัก ยกเลิกการจดทะเบียนของบริษัทและถอดออกจากตลาดหุ้น การแบนวีซ่า โทษทางบริหาร การปิดบัญชีธนาคารให้ไม่สามารถใช้การได้ การคว่ำบาตร และการดำเนินคดีอาญา
ธุรกิจครอบครัว?
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA นำโดย ซาน มยิน อายุ 54 ปี ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการและ “ที่ปรึกษาอาวุโส” ของกองทัพนี้ ซาน มยิน เคยเป็นสมาชิกของส่วนหนึ่งของกองพันพิเศษ 101 แห่งสหภาพกะเหรี่ยง Karen National Union (KNU) จากนั้นจึงเป็นผู้นำของกองกำลังกะหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย Democratic Karen Buddhist Army (DKBA) ซึ่งเป็นกลุ่มที่แยกตัวออกมาจาก KNU ที่เซ็นสัญญาหยุดยิงกับเผด็จการทหาร ในปี 2010 จากนั้น DKBA แปรสภาพเป็น “กองกำลังพิทักษ์ชายแดน” ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของกองอำนวยการกองกำลังอาสาสมัครประชาชนและกองกำลังชายแดนของกองทัพเมียนมา
ซาน มยิน ครอบครัวของเขาและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จากกองทัพเมียนมาและได้รับพื้นที่เพื่อสร้างธุรกิจอาชญากรรมที่มั่งคั่ง ด้วยการยอมรวมเข้ากับกองบัญชาการของทหารเมียนมาและสนับสนุนการรบ ซึ่งกองทัพเมียนมาเองได้รับผลประโยชน์จากธุรกิจอาชญากรรมนี้เช่นเดียวกัน
กองทัพกะเหรี่ยง BGF ยังได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มบริษัทที่เป็นการทุจริตเชิงระบบของทหารเมียนมาคือบริษัทธุรกิจเมียนมาจำกัด Myanma Economic Holdings Limited (MEHL) จากรายงานผู้ถือหุ้นปี 2010-2011 ที่เปิดเผยโดย Justice For Myanmar มีข้อมูลว่าแต่ละกองกำลัง BGF มีส่วนถือหุ้นในบริษัทนี้ กองทัพกะเหรี่ยง BGF ประกอบด้วย 4 มณฑลทหารซึ่งมีกำลังทั้งหมด 13 กองพัน และทั้งหมดยอมรับการเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น Karen National Army (KNA) ภายใต้การนำของ ซาน มยิน เขาถือหุ้นและเป็นผู้อำนวยการในบริษัทของ BGF/KNA อย่างน้อย 5 บริษัทและสามารถควบคุมธุรกิจหลักกับครอบครัว แม้ว่าเขาจะเผยว่าเขาเป็นเพียง “ที่ปรึกษา” ก็ตาม
ซาน มยิน มีบุตรชายสองคนซึ่งทั้งคู่มียศพันตรีในกองทัพ BGF/KNA บุตรคนแรกคือ Saw Htoo Eh Moo (ซอ ฮทู เอ โม) อายุ 32 มีส่วนเกี่ยวข้องอยากมากกับธุรกิจของ BGF/KNA โดยถือหุ้นและดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัทในเครือ BGF/KNA 9 แห่ง ซึ่งมีศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ 2 แห่ง อยู่ในเครือดังกล่าว
ส่วนบุตรชายคนที่สอง Saw Chit Chit (ซอว์ ชิต ชิต) อายุ 28 ปี ได้เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารกับเผด็จการทหารเมียนมาบ่อยครั้ง โดยเขาบัญชาการกองพัน BGF/KNA ในหลายปฏิบัติการต่อกลุ่มต่อต้าน นอกจากนี้เขายังถือหุ้นและดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัทในเครือ BGF/KNA อย่างน้อย 5 แห่ง
ซาน มยิน มีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อนาน Nan Hnin Nandar Aye (ฮนิน นานดา เอย์) อายุ 26 ปี ซึ่งได้รับการศึกษาอยู่ที่ TMC Academy ในสิงคโปร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทแฮมป์ตัน (University of Northampton) ในสหราชอาณาจักร ที่จบการศึกษาในด้านธุรกิจและการจัดการ อีกทั้งถือหุ้นและดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัทในเครือ BGF/KNA อย่างน้อย 4 แห่ง
Nan Khin Hla Thu (นาน ขิ่น หล้า ธู) ภรรยาของ ซาน มยิน ก็มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวเช่นเดียวกันเมื่อตรวจสอบจากโซเชียลมีเดียของเธอ ถึงแม้ Justice For Myanmar จะไม่มีข้อมูลว่าเธอถือหุ้นหรือดำรงตำแหน่งในบริษัท แต่เธอก็ได้ผลประโยชน์จากการกระทำที่เป็นอาชญากรรมของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA
จากรายงานการลงทะเบียนบริษัทของเมียนมาปี 2022 ก่อนที่เผด็จการทหารจำกัดการเข้าถึง พบว่าครอบครัวนี้ถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่าในธุรกิจ BGF/KNA 6 แห่ง ดังนี้
Chit Linn Myaing Toyota Company Limited (65%)
Chit Linn Myaing Mining & Industry Company Limited (68%)
Dawna Thanlwin Company Limited (60%)
Htoo Thitsar Aung Company Limited (80%)
Htoo Myittar Htoo Company Limited (70%)
Shwe Badaythar Myaing Company Limited (50%)
ครอบครัวของ ซาน มยินใช้ชีวิตอย่างหรูหราผ่านเงินจากธุรกิจผิดกฎหมายด้วยการสนับสนุนจากเผด็จการทหารเมียนมา
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BGF/KNA อีก 2 คนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายธุรกิจนี้ Saw Min Min Oo (ซอ มิน มิน อู) พันเอกและอดีตผู้บัญชาการกองพันกองกำลังกะหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย Democratic Karen Buddhist Army (DKBA) ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลบริษัทสำคัญของ BGF/KNA เขาเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัทในเครือ BGF/KNA อย่างน้อย 7 แห่ง แม้ว่าเขาจะถือหุ้นมากที่สุดเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม มีรายงานว่าเขาเป็นผู้อำนวยการบริหารของบริษัทจำกัด Chit Linn Mying Company ที่ยุติการดำเนินงานแล้ว แม้ว่า ซาน มยิน จะเป็นผู้อำนวยการบริหารของบริษัทนี้อย่างเป็นทางการในเอกสารก็ตาม นอกจากนี้ ซอ มิน มิน อู เป็นผู้แทนเพียงคนเดียวของ BGF/KNA ในบอร์ดบริหารของบริษัท Myanmar Yatai International Holding Group โดยเขาถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ในชื่อของเขา
Saw Tin Win (ซอ ทิน วิน) เป็นพันตรีในกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และภรรยา นาน Nan Myint Myint Win (มยิน มยิน วิน) ควบคุมบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Holdings Limited และ Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BGF/KNA
บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited มีสัญญานำเข้าพลังงานจากประเทศไทย เพื่อให้กระแสไฟฟ้ากับศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์และคาสิโนออนไลน์ในเมืองเมียวดี (ประเทศไทยประกาศหยุดส่งออกพลังงานให้กับชเวโก๊กโก่และเลเกก่อในปี 2023)
ซอ มิน มิน อู และ ซอ ทิน วิน เป็นผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัท Myanmar Industrial Raw Mineral Producers Association Incorporated ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 เพื่อส่งเสริมการทำเหมือง และซอ มิน มิน อู ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธาน และซอ ทิน วินเป็นสมาชิกกรรมการบริหาร
ในเดือนธันวาคม 2023 สหราชอาณาจักรคว่ำบาตรซาน มยินและซอ มิน มิน อู โดยให้เหตุผลว่าพวกเขา “มีส่วนรับผิดชอบกับการสนับสนุนหรือได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์และตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง โดยมีการลงโทษที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” พวกเขาเป็นเพียงแค่สมาชิก BGF/KNA ที่ถูกคว่ำบาตรในขณะนี้และยังไม่มีบริษัทในเครือ BGF/KNA ที่ถูกคว่ำบาตร
ในทศวรรษที่ผ่านมาพื้นที่ของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA กลายเป็นศูนย์หลักในเครือข่ายของการหลอกลวงออนไลน์ออนไลน์และธุรกิจการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมสร้างรายได้กว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ได้รับผลประโยชน์จากการอาชญากรรมข้ามชาติผ่านการควบคุมพื้นที่ การเป็นเจ้าของโดยตรงในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับบริษัทอื่น การเก็บภาษี การลักลอบขนของเถื่อน การค้ามนุษย์ และสาธารณูปโภคเช่น ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
Cyber Scam Monitor เป็นโปรเจคที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อธิบายเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจการหลอกลวงทางไซเบอร์ว่า “ในบางกรณีมีการสร้างอาคารขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับบริษัทหลายบริษัทและมีโรงแรม คอนโดมีเนียมรองรับผู้ปฏิบัติงาน คาสิโนที่เปิดทำการก็มีการซ่อนกิจกรรมออนไลน์ไว้ ในหลายกรณีปฏิบัติการถูกควบคุมโดยนักเลงและอาชญากรซึ่งมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือย่างน้อยที่สุดคือได้รับการปกป้องและการอนุมัติโดยบริจาคจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่”
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...