เรื่อง: วัชรพล นาคเกษม / ภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย

5 ปีเต็มแล้วที่ เชียงใหญ่เฟส มาเสิร์ฟความม่วนให้กับชาวเหนือ ให้จังหวะหัวใจถูกเติมเต็มไปด้วยเสียงเพลง ต้อนรับลมหนาว ท่ามกลางภูเขา และดนตรีจากหลายศิลปินที่มาร่วมสร้างบรรยากาศของความสนุกไปด้วยกัน และในครั้งนี้ ‘เชียงใหญ่เฟส 5’ เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ก็จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว (30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 67) ณ Royal Train Garden Resort (บ้านสวนรถไฟรีสอร์ต) อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 2 วัน กับ 46 ศิลปิน ใน 3 เวที

แน่นอนว่านี้เป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ที่คนชอบดนตรีไม่ควรพลาด ซึ่งพวกเราเองก็มีโอกาสคุยกับ ตูน–พนมกร พันธุ์ชนะ จากหน่วยงาน ‘All Area’ ภายใต้ร่ม GMM Show ที่เนรมิตเชียงใหญ่เฟสให้เข้ามาเติมเต็มความฝันของผู้คนที่อยู่ในภูมิภาค

เรานัดกับตูนในวันที่เธอและทีมงานหลายร้อยชีวิตกำลังตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น ตูนพาเรานั่งคุยกันในยามเย็นสบายๆ ไม่ได้ร้อนมากบนพื้นหญ้าหน้าเวทีรถแดง หันไปอีกมุมก็มองไปเห็นเวทีหมีสเตจที่ทีมงานต่างกำลังลงแรงกันอยู่ ทุกอย่างกำลังเตรียมพร้อม เพื่อต้อนรับผู้คนนับหมื่นที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแล้ว พร้อมไหม?

พร้อมมากค่ะ (ยิ้ม) ปีนี้พร้อมมากๆ ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากปีที่แล้ว จริงๆ ปัญหาในปีที่แล้วมันก็น้อยลงกว่าเดิมมาก แต่จะมีแค่เรื่องการจราจรนิดหน่อย ตอนนี้เราพยายามหาลานจอดเพิ่มมากขึ้น ที่ไม่ใช่แค่ในเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต รวมทั้งหมดแล้วก็จะจอดรถยนต์ได้ประมาณ 7,000 คัน แล้วก็มีพื้นที่จอดมอเตอร์ไซค์หน้างานอีกประมาณ 20,000 คัน

เราก็อำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางให้กับผู้ชมมากขึ้น ก็คือเพิ่มรถแดงที่เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จากปีก่อน ที่มีประมาณ 20-30 คัน เป็น 50 คัน สำหรับนำส่งผู้คนขึ้นมาที่จัดงาน โดยไม่ต้องขับรถมาเอง คือถ้าจะมาดื่ม มาปาร์ตี้ มาม่วนมาจอย หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ต้องห่วงเลย นั่งรถแดงมาสะดวกที่สุด สำหรับคนที่มารถส่วนตัวเราก็หาลานจอดรถรอบนอกที่ใกล้กับพื้นที่จัดงานที่สุดไว้ให้ด้วย แล้วก็ยังมีวินมอเตอร์ไซค์คอยรับส่งที่งานเพื่อแก้ปัญหารถติด ก็คือพยายามแก้ปัญหามากขึ้น ตอนนี้ก็พร้อมมากๆ เหมือน ประมาณ 80% ละ

มี Challenge ไหนที่ไม่เหมือน 4 ครั้งที่ผ่านมาบ้าง

Challenge อันดับหนึ่งของเราก็คือ.. (ชี้ไปบนท้องฟ้า) นี่คือสิ่งที่ Uncontrol ที่สุดแล้ว เราก็พยายามทำทุกๆ อย่าง เรื่องพื้นที่ การ set up ต่างๆ คือมันควบคุมได้ตามแพลนของเราอยู่แล้วค่ะ

แต่สิ่งที่มันเหนือความคาดหมายตลอดเวลานั่นก็คือเรื่องฟ้าฝน แต่ว่าเราก็พยายามเตรียมการให้ได้มากที่สุด ท้าทายทุกปีเลย เพราะว่าปีนี้เราเจอปรากฏการณ์ลานีญาด้วย สภาพอากาศก็แปรปรวนกว่าปกติไปมาก อย่างวันนี้ที่เรามานั่งคุยกัน (25 พ.ย.) อยู่ๆ อากาศมันก็ร้อนขึ้นอย่างน่าตกใจ พออากาศมันร้อนขึ้นทีไรใจเรามันก็เริ่มหวิวแล้วนะ ไม่รู้ว่าฝนจะตกลงมาอีกหรือเปล่า อันนี้เป็นเรื่องท้าทายที่สุดแล้วที่เราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ควบคุมไม่ได้ แต่ถึงจะควบคุมไม่ได้แต่เราก็มี Solution เตรียมตัวตั้งรับกันอยู่แล้ว เช่น ประกาศบนหน้าเพจเชียงใหญ่เฟสว่าให้เตรียมร่มกันฝนกับเสื้อกันหนาวมาเผื่อ เพราะจริงๆ อากาศที่เชียงใหม่ตอนกลางวันจะร้อน แต่ว่ากลางคืนก็มีน้ำค้าง และคือหนาวไปเลย ก็อยากให้คุณผู้ชมเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ ด้วย นี่คือความท้าทายที่สุดแล้ว

มีเรื่องอื่นอีกไหม

มีค่ะ อย่างที่บอกตอนต้นว่าเราพยายามแก้ปัญหาเรื่องการจราจรนั่นแหละ ด้านนอกอย่างที่เห็นก็คือถนนเส้นที่พามาที่งานนั้นเป็นถนนเลนเดียว เราต้องจัดการผู้ชมทั้งหมดทั้งมวลให้ขึ้นมาด้วยการจราจรเส้นเดียวถ้าผู้คนเดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือมอเตอร์ไซค์ได้ มันก็จะเป็นเรื่องที่ดีทั้งกับเราแล้วก็ผู้ชมเองเพราะก็จะเดินทางมาได้เร็วมากขึ้น เรื่องความปลอดภัยในการเดินทางก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ทั้งเจ้าหน้าที่ของเราแล้วก็ตำรวจจราจรจาก 3 ตำบล ทั้งบ้านปง น้ำแพร่ และหนองควาย ก็คุยกันว่าจะมีการจัดงานเชียงใหญ่เฟสนะ  เราก็ถามกับทางหมู่บ้านด้วยว่าการจัดงานนี้มีปัญหาเรื่องไหนที่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนไหมพยายามคุยกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็หาทางออกร่วมกัน อย่างเรื่องของการจราจรและเรื่องพื้นที่ เราก็ได้ไอเดียคือการจ้างวินมอเตอร์ไซค์ ก็เป็นพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบลนี่แหละที่มารับหน้าที่ตรงนี้ เขาก็ช่วยเราจัดการเรื่องการจราจรให้คล่องตัวขึ้นด้วย แล้วเราก็ช่วยให้เขามีรายได้จากตรงนี้ไปด้วย นี่ก็คือความท้าทายทั้งในการคุยกับผู้ชม และหน่วยงานท้องถิ่นด้วย

ภาพจาก เชียงใหญ่เฟส

แสดงว่าเชียงใหญ่เฟสเองไม่ได้มองแค่รายได้จากจำนวนของผู้ชมที่เข้าร่วม แต่คนในท้องถิ่นต้องได้ด้วย?

เชียงใหญ่เฟสเราจัด 2 วัน ก็มีคนจากภาคอื่นที่มาเที่ยวด้วย เดินทางมาทั้งรถแล้วก็เครื่องบิน เราไปเช็คมาว่าหลายโรงแรมที่พักก็เริ่มเต็ม  ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านรวงต่างๆ ในเมือง ก็มีคนมาเที่ยวเยอะขึ้น แถมเรายังชวนร้านอาหารชื่อดังของเชียงใหม่มาไว้ในงานเหมือนกัน อย่างสุกี้ช้างเผือกในปีนี้้ ก็ชวนเข้ามาด้วยแล้วก็จะมีอาหารเหนืออีกหลายอย่างที่อยากนำเสนอ มาสนุกด้วย อร่อยด้วย

เรื่องการจราจรก็เปิดให้บริการวินมอเตอร์ไซค์ที่เป็นคนในพื้นที่มารับจ้าง เพราะเราก็อยากให้คนในพื้นที่มีรายได้ด้วย เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เขาได้อย่างจริงจัง ทั้งหมดทั้งมวลมันคือการทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดมันเติบโตขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะใน 3 ตำบลเท่านั้น

อย่างที่รู้มาว่าภารกิจสำคัญของ All Area คือการเติมเต็มความฝันของวัยรุ่นในแต่ละภูมิภาค ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ

ขอกลับมาที่ตัวเราเองก่อนเลยนะ จริงๆ เราเป็นคนชอบดนตรีมากๆ ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เลย มันเป็นแรงผลักดันที่สำคัญกับชีวิตเราเลย เรียนจบก็มาทำงาน Creative ในคลื่นวิทยุ คอยคิดสปอต คิดเกมในคลื่น รวมถึงทำพวกโปรโมตคอนเสิร์ตให้กับศิลปิน จนมาถึงการที่ได้มาทำ Music Festival ใดๆ ก็ตามเรามองว่าดนตรีมันมีพลังที่นำพาพวกเราทุกคนมาเจอกัน ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดู ผู้จัด และทุกคนที่ชอบดนตรีได้มาเจอกันที่นี่

เราก็รู้สึกว่าในดนตรีเนี่ยมันมีความฝันบางอย่างอยู่ในนั้นนะ ทีม All Area เราทำงานขึ้นมาหลายงานใน 3 ภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหญ่เฟส เฉียงเหนือเฟส และพุ่งใต้เฟส ซึ่งแต่ละภาคทุกคนมารวมตัวกันด้วยดนตรี อยากมาดูศิลปินที่ชอบ อยากมาสนุกกับเพื่อน มีความฝันว่าอยากมา Music Festival บางคนมาแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย! วันนึงฉันอยากอยู่บนเวทีรถแดงบ้างจังเลย

มันเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันหลายๆ อย่าง บางคนก็ฝันอยากเป็นศิลปิน ทำเพลงในแบบที่เชื่อ บางคนฝันว่าอยากเป็นทีมงานที่ร่วมสร้างเชียงใหญ่เฟส เรารู้สึกว่าทุกคนมีแนวดนตรีที่ชอบต่างแตกกันนะ แต่ก็เป็นดนตรีอีกนั่นแหละ ที่พาให้หลายคนมาเจอกัน ทุกอย่างมันคือ All Area ที่เรามาส่งตรงมาเสิร์ฟความสนุกให้ทุกคนในแต่ละภูมิภาค เรารู้สึกว่ามันเติมเต็มความสนุกความฝัน ประสบการณ์ดนตรี มันทำให้เรามาเจอกันได้ด้วยดนตรี เราอาจจะพูดกันคนละภาษานะ แต่ก็มีดนตรีนี่แหละที่ทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง ดนตรีทำให้เรามาเจอกัน นี่แหละที่ทำให้เราอิ่มใจสุดๆ (ยิ้ม)

อย่างที่บอกว่ามันเป็นการเติมเต็มความฝัน การเลือกศิลปินมาอยู่ในพื้นที่ความฝันแบบนี้ มันคงจะเป็นอะไรที่น่าจะเหนื่อยอยู่พอตัวเลย

จริงๆ มันสนุกนะ สนุกมากด้วย ในเมื่อเราเลือกที่จะเปิดพื้นที่แบบนี้แล้ว การที่เราจะต้องเข้าใจว่าคนแต่ละภูมิภาคเขาชอบฟังอะไรกัน มันทำให้เราได้รู้จักเขา ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันด้วย เราทำข้อมูลกันตลอด เก็บ Data กันเสมอว่าผู้ชมของเราแต่ละภาคฟังเพลงแบบไหนกัน แต่ละภาคก็จะมีกลิ่นอายมีมนต์เสน่ห์การฟังเพลงคนละแบบ เรารู้สึกว่าสนุกกับการเรียนรู้ผู้ชมของเรา ไม่มีความเหนื่อยเลย เรารู้สึกสนุกมากๆ อยากคุยกับผู้ชมให้มากขึ้นด้วยซ้ำ

แล้วคนเหนือเขาฟังเพลงแบบไหนกัน

คนเหนือก็น่ารัก (ฮา) ที่เราหาข้อมูล พบว่าคนเหนือฟังเพลงในกระแสนิยมนี่แหละ วงอินดี้หลายวงก็ถูกใจคนเหนือนะ มีเพลงจากศิลปินท้องถิ่นที่เป็นที่นิยม โจ๊ะๆ ม่วนๆ อย่างปีก่อนๆ เราชวน คณะสุเทพการบันเทิง ที่มีกลิ่นอายความสนุกมีสีสันมีคาแรคเตอร์ชัดเจน เป็นศิลปินในท้องถิ่นด้วย อย่างศิลปินในท้องถิ่นปีนี้ก็จะมีวงเบื๊อก ที่เพิ่มเข้ามาสร้างสีสัน

เราก็พยายามเอาศิลปินที่เป็นคนเหนือ เป็นศิลปินในท้องถิ่นเข้ามาผสมกับศิลปินที่คนเหนือชอบฟังด้วย จะได้ฟังกันสนุกๆ หลากหลาย คนฟังหลายคนอาจจะได้ทำความรู้จักศิลปินที่ไม่เคยรู้จักในงานนี้ก็ได้ งานจัด 2 วัน กว่า 46 ศิลปิน สามารถเลือกได้เลยว่าอยากมาดูโชว์สดของใคร เพราะมันมีความต้องการหลากหลายแบบในแต่ละกลุ่มเพื่อนด้วย เป็นเพื่อนกันแต่ฟังเพลงไม่เหมือนกันแน่ ฉันชอบ TIMETHAI ฉันชอบจ๊ะ นงผณี ฉันชอบ Bodyslam ชอบ Cocktial บางคนชอบแนวฮิปฮอป ก็สามารถมาอยู่จอยกันที่ตรงนี้ได้

เป็นแกงโฮะ

ใช่ๆ ก็น่ารักอ่ะเนอะ แต่เขาก็ต้องแบ่งเวลากันนิดนึงว่าใครจะไปดูวงไหนเวลาไหนแล้วมาเจอกันที่ไหน ก็แกงโฮะ สนุกดี อร่อยด้วย (ยิ้ม)

ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถลุกขึ้นมาทำเทศกาลดนตรีได้เองแล้ว มองเรื่องนี้ยังไงบ้าง

เรารู้สึกว่าการมีผู้เล่นมากขึ้น มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ชม เป็นประโยชน์ต่อผู้ชม เพราะเขาสามารถเลือกได้ว่าอยากดูอะไรที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเขาได้ บางคนชอบฟังเพลงนอกกระแสไปเลย บางคนก็อยากฟังอีกแบบไปเลย เขาก็มีสิทธิเลือกในความหลากหลายนี้มากขึ้น มันเป็นเรื่องที่ดีนะ แล้วการมีผู้เล่นมากขึ้น มันก็ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองไปด้วย เพราะบางอย่างเราก็มองในมุมของเรามุมเดียวจริงๆ มันก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เราก็มองว่ามันก็เป็นการ Support กันด้วย ได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ช่วยให้วงการดนตรีมันดีขึ้น

มันช่วยทำให้วงการดนตรีคึกคักและพัฒนาขึ้นด้วยไหม?

พัฒนาขึ้นนะ แบบเห็นได้ชัด ช่วงที่ผ่านมาก็มีศิลปินเกิดเยอะขึ้น โดยที่บางคนเขาไม่ต้องมีสังกัดไม่ต้องมีค่ายก็ทำงานกันได้ แถมทำงานออกมาได้ดี และพอมี Music Festival มากขึ้นเขาก็มีโอกาสได้เข้ามาอยู่บนเวทีสักเวทีหนึ่ง อย่างปีนี้เราก็จะมีน้องๆ Commuan Trainee เข้ามาด้วยปีนี้ มันก็จะมีพื้นที่ให้เขาได้มาเล่นมากขึ้น แน่นอนว่าศิลปินก็อยากมีพื้นที่ปลดปล่อย ไม่ใช่แค่ในโซเชียลอย่างเดียว เขาก็อยากมาเจอผู้คน มาสัมผัส Vibe ที่มันส่งพลังถึงกัน อย่างปีที่แล้วเราชวน Howwhywhenyou ที่เป็นคนเกาหลีมาเล่น เขาบอกเลยว่าประทับใจมากที่เชียงใหญ่เฟสมีพื้นที่ให้เขาได้เล่น มันก็มีความอิ่มใจที่มันเป็นพื้นที่ให้เขาได้ เราก็อิ่มเอิ่มใจไปด้วย

แล้วเชียงใหม่หรือภาคเหนือ แข็งแรงพอไหมสำหรับการจัดเทศกาลดนตรี

บอกได้เลยว่า แข็งแรงทั้งอุปกรณ์และทรัพยากรบุคคลเลยนะ มันเหมือนในข้อแรกๆ ที่เราพูดเรื่องท้องถิ่นอ่ะค่ะ จริงๆ ทีมงานที่ทำฉาก ทำเวที ก็เป็นทีมของคนในท้องถิ่นนี่แหละ เป็นทีมของเชียงใหม่เกือบทั้งหมด ทั้งฝ่าย Sound engineer ของรถแดงสเตจ ทีม Nahtung Organize ที่มาทำรันโชว์ ทีม Minimal Record ที่ทำ Mapping Art อ้ายหมีที่เป็นจุดถ่ายรูปเช็คอิน ก็เป็นบุคลากรของเชียงใหม่ทั้งนั้นเลย แต่ก็จะมีทีมงานบางส่วนจากกรุงเทพฯ ที่เราพามาเองด้วย อย่างที่บอกไปว่าดนตรีอ่ะ มันพาทุกคนมาเจอกัน ทุกคนก็ฟังเพลงกันอยู่แล้ว วัฒนธรรมดนตรีก็หลากหลาย มีทั้งบาร์แจ๊ส หรือพวก EDM มันมีหลากหลายแนวเพลงอยู่ในนั้น คนเสพดนตรีเขาก็จะฟังแล้วก็มาเจอกันในนั้น เหมือนกลายเป็นว่าทุกความฝันของทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่  เชียงใหญ่เฟสมันเป็นงานที่มีคาแรคเตอร์ที่สนุก อย่างอ้ายหมีเนี่ยคาแรคเตอร์บนเพจเขาก็จะมีความเป็นเพื่อน ผู้ชมเชียงใหญ่บางคนเขาก็มาคนเดียว อาจจะเหงา ไม่มีเพื่อน พี่หมีก็จะคอยดูแล แล้วเราก็สามารถมาเจอเพื่อนใหม่ๆ ในงานได้ด้วย เราคอยช่วยเทคแคร์กัน ชวนนั่งรถแดงไปด้วยกัน ชวนเต้นไปด้วยกัน ไปดูเวทีนี้ด้วยกัน ที่นี่มันมีความสนุก มีความวาไรตี้อยู่หลายแบบ

จากนี้เป็นไปได้ไหมที่ GMM Show จะเปิดพื้นที่ใหม่ๆ กับจังหวัดที่เป็นเมืองรองมากกว่าหัวเมืองใหญ่

มีความเป็นไปได้ค่ะ เพราะเรามี Data มี Marketing Research อยู่แล้ว ในทุกงานที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ที่เชียงใหญ่เฟส แต่ทุกงานที่เราจัดเราจะทำข้อมูลเอาไว้หมด

เราเก็บข้อมูลตลอดว่าภาคไหนมี Potential ในการจัดเทศกาลดนตรีบ้าง อย่างเมื่อก่อนมีแค่เชียงใหญ่เฟสที่เดียว เราก็ดูว่าแล้วมีคนจากจังหวัดอื่นๆ รอบเชียงใหม่มาเที่ยวงานบ้างหรือเปล่านะ ซึ่งมีเยอะเลย เราก็ดูว่ามีจังหวัดไหนที่เดินทางไม่ไกลหรือมีการเดินทางที่ง่าย หัวเมืองไหนเข้าถึงง่าย เราก็พร้อมที่จะเลือกมาสำรวจอีกทีว่า Consumer ของเราเขาสนใจอะไร และเข้าถึงได้ไหม การเดินทางที่สะดวกเป็นเรื่องที่ดีของผู้ชม ถ้ามี Demand ถ้าเขาอยากให้เราไปสนุกไปจอยด้วยเราก็พร้อมจะไป ตอนนี้เราก็กำลังดูอยู่เหมือนกันว่าเมืองรองที่ต้องการเสพ Music Festival มันจะมีที่ไหนบ้าง ก็มีความเป็นไปได้อยู่

ตอนนี้มันก็มีพื้นที่เหลืออีกสองภาคที่ยังไม่ได้จัดสักที ก็คือภาคตะวันออกและภาคตะวันตก อันนี้ก็มีโอกาสที่พวกเราจะเดินทางไปเติมเต็มความสนุก

ฝากเชียงใหญ่เฟสครั้งนี้หน่อย

อยากให้มาเร็วๆ ค่ะ คือปีนี้เวที จะเริ่มโชว์ตั้งแต่ 15.30 น. ที่เวทีรถแดง

มันเร็วกว่าปีที่แล้ว ฉะนั้นอยากให้รีบมาเร็วๆ เพราะประตูเราเริ่มเปิดตั้งแต่เที่ยงเลย แล้วรถแดงเนี่ยมันมี Highlight อยู่ในวันเสาร์ แต่ก็ยังบอกไม่ได้ นั่นแหละก็รอมาดูกัน วันเสาร์ที่รถแดงมีเซอร์ไพรส์แน่ๆ ค่ะ อาจจะแบบดึกหน่อย เวทีดอยก็มี Highlight ตอนวงเปิดก็จะมีความสวยงามตระการตา Cocktail ก็เล่นเป็นปีสุดท้ายด้วย ก็อยากให้มาดูกัน อยากให้มาสัมผัสบรรยากาศที่ดีตั้งแต่ทางขึ้นมาจนถึงแต่ละโซน

ยังไงปีหน้าก็ฝากอีกหลายๆ งานจาก GMM Show และ All Area ด้วย ทั้งเชียงใหญ่เฟส  เฉียงเหนือเฟส พุ่งใต้เฟส เราก็จะขอส่งทั้งความสุข และความสนุก ให้กับทุกคนในแต่ละภาคได้มากขึ้น และจะทำให้ดีที่สุดค่ะ