พฤษภาคม 14, 2024

    แรงงานชวนถกปัญหา! 6 พรรค พร้อมใจดันนโยบายคุ้มครองไม่เลือกปฏิบัติ

    Share

    10 พฤษภาคม 2566 เวลา 13.30 – 16.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มูลนิธิสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) ร่วมกับ ASIAN-AUSTRALIA Counter Trafficking ได้จัดเวทีรับฟังวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรคการเมือง ในหัวข้อ “นโยบายที่จะดูแลแรงงาน คุ้มครองแรงงาน จนถึงการบังคับใช้แรงงาน จนสู่การค้ามนุษย์ในประเทศไทย”เพื่อให้พี่น้องแรงงานได้รับคำตอบเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการทำงานและความเป็นอยู่ของตน

    โดยมี 6 พรรคการเมืองที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ได้แก่ พรรครวมเสรีรวมไทย, พรรคเพื่อไทย, พรรคเสมอภาค, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคก้าวไกล และพรรคสามัญชน

    ว่าที่ร้อยโท จอห์น นพดล วศินสุนทร พพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรคเสรีรวมไทยมีจุดยืนอยู่ 4 ข้อ

    1.ต่อต้านเผด็จการ 2.ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น 3.ต่อต้านยาเสพติด 4.นโยบายปากท้องพี่น้องประชาชน

    และแตกออกเป็น 14 ข้อ ซึ่ง 1 ในนั้นมีข้อหนึ่งเรื่องการปฏิรูปประมง ประเด็นต่อมาเรื่องรัฐไม่เอื้อให้แรงงานเข้าถึงง่าย ก็อาจจะมองได้หลาย ปัจจุบันการเป็นแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาถูกกฎหมายรัฐไม่เอื้อให้ทำเรื่องเหล่านี้ได้ง่าย ทั้งที่การที่ทำเรื่องนี้จะส่งผลประโยชน์ต่อประเทศไทย ตอนนี้เราควรกลับมาที่หลักการพื้นฐานว่าประเทศไทยต้องการแรงงาน เราควรอยากให้พี่น้องแรงงานในอาเซียนเข้ามาร่วมกันด้วย  เพราะบางอย่างแรงงานไทยก็ไม่มีฝีมือในด้านนี้แล้ว ก็ต้องช่วยกัน ความอดทนอดกลั้นไม่เท่ากัน ถ้ามีความต้องการก็ต้องมีการส่งเสริม ในเรื่องของกฎหมายแรงงานข้ามชาติการสงวนงานให้เฉพาะคนไทยนั้น มีกฎหมายระบุไว้อยู่แล้วว่ามันมีอาชีพไหนควรสงวนไว้ให้คนไทยและแรงงานต่างด้าวทำไม่ได้ แต่ปัญหาคือ กฎหมายเหล่านี้อัพเดท เราจึงต้องสร้างความเข้าใจ เอาตัวเลข ข้อเท็จจริงมาโชว์ว่าแรงงานส่วนไหนขาด ส่วนไหนคนไทยไม่ทำ ดังนั้นต้องเพิ่มเกณฑ์ กฎหมายต้องเป็นพลวัตปรับปรุงเรื่อย ๆ เพราะรัฐบาลไทยต้องยอมรับว่ามันมีอาชีพที่คนไทยเขาไม่ทำจริง ๆ แล้วไปเสนอให้แรงงานต่างด้าวแทน ผมถึงมองว่าจุดยืนคือ มองว่าแรงงานทุกส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย เราต้องเห็นร่วมกันก่อนว่าช่วยกันพัฒนาประเทศ แล้วมันก็จะกลับไปที่ข้อแรกด้วยว่าจะให้เรามีสิทธิอะไรมากขึ้น สิ่งที่พรรคเสรีรวมไทยทำได้ก็คือ รับฟัง พร้อมผลักดันให้ในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม โปร่งใส พอไปทำจริงก็โดนเจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่นเอาเปรียบทั้งที่กฎหมายบอกก็ทำแล้วไม่โปร่งใส

    ว่าที่ร้อยโท จอห์น นพดล วศินสุนทร พพรรคเสรีรวมไทย

    ด้านวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในเรื่องแรงงานต้องมองในฐานะที่รัฐเป็นหุ้นส่วนผู้ประกอบการ แต่วันนี้เราแยกผู้ใช้แรงงานออกไป แรงงานข้ามชาติ แรงงานไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ ทำไมวันนี้เรามีปัญหาเรื่องการจัดการแรงงานเพราะแยกรัฐกับผู้ประกอบการ แรงงานออกจากกัน ระบบในประเทศไทยเป็นแบบอุตสาหกรรมและรัฐมองว่าอุตสาหกรรมเอาไว้เก็บค่าธรรมเนียม ตรวจสอบ แต่ไม่เคยบูรณาการส่งเสริมผู้ใช้แรงงาน แล้วกระทรวงแรงงานที่เก็บเงินของทุกคน กองทุนประกันสังคม 2.2 ล้านล้าน เก็บไว้ทำไม แรงงานวันนี้ไม่ได้มีแค่แรงงานมีทักษะ กับไร้ทักษะ แต่เป็นแรงงานที่มีเทคโนโลยี ดังนั้นประเด็นการขึ้นค่าแรงไป 600 บาท เพราะจะทำให้ให้เขามีเครื่องมือมากขึ้น ประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วแรงงานที่มี hospitality แบบคนไทยไม่มีแรงงานไหนในโลกสู้คนไทยได้ เป็นจุดแข็งของคนไทย ต้องส่งเสริมถ้าเอาเงินที่เก็บไปสนับสนุนผุ้ประกอบการให้เขาดูแลแรงงานให้ดีขึ้น เพราะได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ ได้เม็ดลงทุนจากรัฐ กฎหมายแรงงานที่มีปัญหาทุกวันนี้มองว่าไม่มีทางบังคับใช้ได้ตลอดเวลา สิ่งที่เราต้องคิดคือว่า ผู้ประกอบการทุกคนต้องการทำงาน ภาครัฐต้องเปลี่ยนจากการควบคุมและกำกับมาให้การสนับสนุน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเลยต้องเกือบฟรี เราต้องการให้ฟรีเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของแรงงานและผู้ประกอบการ การศึกษาก็ต้องฟรี เพื่อให้ได้เรียนเยอะๆ แล้วรัฐก็จะได้ภาษีจากคุณ วันนี้เกษตรกรเราบอกจะขยายสู่เกษตรแปลงใหญ่ เทคโนโลยีโดรน เครื่องมือ เครื่องจักรกล เรามีให้เขาพอหรือไม่แล้วก็มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น มีผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้ง เราต้องจับมือทำงานเพื่อสร้างประเทศไทย ผลักดัน พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้งานจากงานวิจัย สามารถให้งบวิจัยกับผู้ใช้แล้วให้เขาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เลย สามารถให้เงินกับผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน ต้องมองว่ารัฐและผู้ประกอบการกับแรงงานเป็นหุ้นส่วนกัน เราถึงจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ อย่ามองว่าการบังคับใช้กฎหมายคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป แรงจูงใจก็สำคัญ

    วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พรรคเพื่อไทย

    นาดา ไชยจิตต์ พรรคเสมอภาค กล่าวว่า อย่างแรก กฎหมายประกันสังคม ม.33 ต้องคุ้มครองแรงงานทุกประเภท เพราะว่าแรงงานทั้งผองเป็นพี่น้องกัน ไม่สนใจว่าเป็นแรงงานข้ามชาติ หรือคนไทย สองจัดตั้งสถาบันพัฒนาทักษะแรงงาน และส่งเสริมแรงงานอาเซียน ใช้ความเป็นอาเซียนให้เป็นประโยชน์สูงสุด จะตั้งสถาบันเหล่านี้ตามชายแดนเพื่อให้แรงงานในภูมิภาคที่เข้ามาในไทยได้รับการอบรมพัฒนาทักษะฝีมือ ทำเป็น MOU ระหว่างเพื่อนบ้านเราให้แรงงานมีทักษะ เพื่อส่งออกแรงงานได้ แล้วก็ปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่นที่ส่งผลต่อการเข้ามาของแรงงานก็จะรื้อเรื่องนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องในหลายกระทรวงทั้งกระทรวงต่างประเทศและแรงงาน การส่งเสริมให้เกิดการลงทะเบียนเข้าสู่ตลาดแรงงานของนักโทษ มองเขาเป็นมิตรไม่ใช่อาชญากร แล้วก็ภาคีอนุสัญญาต่างๆ อนุสัญญา ILO ฉบับ ที่ 87 และ 98 ศึกษาความเป็นไปได้ที่เข้าอนุสัญญายกย้ายแรงงานและสมาชิกครอบครัวจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นอกจากนี้ปัญหาสำคัญของแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย คือการติดหนี้จากการต้องทำเอกสารแรงงานที่ผ่านระบบนายหน้า งานวิจัยของ HRDF ระบุว่า 10,000 บาท แต่เราก็ไปเก็บข้อมูล ซึ่งแรงงานมีค่าใช้จ่ายต่อคนสูงกว่าหนึ่งหมื่นบาทนะคะ เก็บตั้งแต่ต้นทาง เสียประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทต่อคน สิ่งนี้ส่งผลเรื่องปัญหาการคอร์รัปชั่นที่เกิดจากช่องว่างการลงทะเบียนและขึ้นเอกสารแรงงาน พรรคเห็นว่าต้องมีการเจรจาให้ระดับพหุภาคี เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกัน โดยเสนอให้ยกเลิกระบบนายหน้าด้วยซ้ำ แต่มันจำเป็นที่ต้องมีระบบนี้ ถ้าจะสนับสนุนผู้ประกอบการต้องทำให้ระบบ power sharing แบ่งปันอำนาจกันระหว่างผู้ประกอบการไม่ว่าขนาดไหนก็ตาม เพื่อสามารถรับแรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบโดยตรงก็จะเป็นการตัดกำลังของบริษัทนายหน้าที่ค้ามนุษย์

    นาดา ไชยจิตต์ พรรคเสมอภาค

    ด้านดร.สุภาพร ราธิเสน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องของแรงงานข้ามชาติ คุ้มครองสวัสดิการ เราต้องตีความให้ได้ก่อนว่าแรงงานที่จะคุ้มครองส่วนใหญ่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย แรงงานในภาคเกษตรกรรม แรงงานต่างชาติ เราจะแบ่งเป็นกลุ่มให้มีประกันสังคม กรมจัดหาแรงงานเขาจะดูแลในส่วนผู้ประกอบการ และสวัสดิการ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาลจะพัฒนาแรงงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะตอนนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเจ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลแรงงานภาคเกษตรกรรม เรามีหน่วยงานพัฒนาขีดความสามารถ เรียกร้องให้แรงงานขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพ ไม่ได้ดูแลแค่ภาคเกษตรกรรม แต่ดูแลภาคอื่นๆ ด้วย และ ยังส่งเสริมเรื่องการส่งออก smart farmer เพิ่มแรงงานภาคเกษตรกรรมให้ทำภาคธุรกิจส่งออกได้ด้วย ปชป.มีนโยบายคุ้มครองแรงงาน ผลักดัน และส่งเสริมแรงงานเหล่านี้ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และศักยภาพที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย และหน่วยงานที่จะดูแลแรงงานที่ดีสุดคือ กรมแรงงาน ของกระทรวงแรงงาน ในส่วนนโยบายขึ้นค่าแรงของแต่ละพรรคสามารถขึ้นได้ตอนไหน และสามารถรับประกันได้มั้ยว่าจะขึ้นให้กับทุกคน มีการควบคุมนายจ้างอย่างไร ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายขึ้นค่าแรง แต่พยายามดูสมดุลของภาวะเศรษฐกิจ ดูความเป็นจริงว่าจะปรับขึ้นได้เท่าไหร่ ตอนนี้เชียงใหม่ 345 ขึ้นมาจากเดิม 15 บาท การขึ้นค่าแรงไม่ได้เป็นแค่เรื่องนายจ้างลูกจ้าง แต่มีคณะกรรมการจังหวัดมากำหนดเข้าร่วมด้วย การส่งเสริมศักยภาพแรงงานไทยสามารถเติบโตได้อย่างเดนมาร์ก สวีเดน หรือไม่ ดิฉันคิดว่าการจัดตั้งสหภาพแรงงานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นการคุ้มครองแรงงานให้มีความเสมอภาค เท่าเทียม การปกป้องคุ้มครองสวัสดิการ มีสิทธิมีเสียงในฐานะแรงงาน เป็นกลไกขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าไปได้ ท่านก็ต้องมีสิทธิมีเสียงในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้อยู่

    ดร.สุภาพร ราธิเสน พรรคประชาธิปัตย์

    เกศนคร พจนวรพงษ์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประเด็นเรื่องแรงงานข้ามชาติและแรงงานทุกประเภทต้องมองพื้นฐานว่า ‘ทุกคนเท่ากัน แรงงานทุกคนก็เป็นผู้ใช้แรงงาน ร่วมสร้างประเทศกันขึ้นมา’ กฎหมายแรงงานทุกฉบับสามารถเอามาปรับใช้กับพี่น้องแรงงานข้ามชาติได้ทั้งหมด ซึ่งในประเด็นนี้ มี นโยบาย 4 ข้อ

    1. ให้แรงงานได้รับการคุ้มครองทุกกลุ่ม ไม่ต่ำกว่า พระราชบัญญัติการคุ้มครองแรงงาน การจ้างงานต้องเป็นธรรม แรงงานข้ามชาติต้องได้รับการคุ้มครองเทียบเท่ากับแรงงานไทย ทำให้งานจ้างเหมาบริการ sub-contract รวมถึงการจ้างเหมาตามฤดูกาลในภาคเกษตร ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องได้รับการคุ้มครองไม่ต่ำกว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ทุกคนได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่เราแก้ไข พระราชบัญญัติ.คุ้มครองแรงงาน ในการลดชั่วโมงทำงานให้เหลือ 40 ชม/สัปดาห์ สิทธิการลาคลอด 180 วัน พ่อแม่แบ่งกันได้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี 150 บาท ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ

    2.  เพิ่มสวัสดิการถ้วนหน้า เพิ่มประกันสังคมให้มีสวัสดิการถ้วนหน้า ไม่มี ม.33 39 40 ทุกคนที่ทำงานมีประกันสังคมถ้วนหน้ามาตรฐานเดียวกัน รวมถึงพี่น้องแรงงานข้มชาติด้วย

    3. เพิ่มอำนาจให้กับแรงงาน รับรองอนุสัญญา ILO 87 98 จัดทำพระราชบัญญัติการจัดตั้งสหภาพแรงงาน ยกเลิก พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ จัดทำเป็น พระราชบัญญัติสหภาพแรงงาน เพื่อให้แรงงานไม่ว่าจะทำงานในภาคไหนก็สามารถรวมตัวเรียกร้อง ต่อสู้ สร้างอำนาจ

    4. จัดทำการขึ้นทะเบียนเพื่อพาแรงงานข้ามชาติเข้าระบบ เสนอข้อเรียกร้องของตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านมือใคร แล้วข้อสุดท้ายลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาต มันเป็นช่องที่ทำให้เกิดนายหน้าค้าแรงงาน แรงงานต้องมาทำงานใช้หนี้ วิธีที่ง่ายสุดคือลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนให้ง่ายสุด จะเป็นขจัดปัญหาให้กับแรงงานข้ามชาติ

    เกศนคร พจนวรพงษ์ พรรคก้าวไกล

    และลักษณารีย์ ดวงตาดำ พรรคสามัญชน กล่าวว่า พรรคเราให้ความสำคัญกับการรวมกลุ่มและจัดตั้งสหภาพ คือการรับ ILO 87 98 เชื่อว่าแรงงานทุกคนสามารถจัดตั้งกลุ่มสหภาพเพื่อรวมกลุ่มกันเรียกร้องต่อนายจ้างและนายทุน สหภาพก็ต้องมีการจัดตั้งแรงงานข้ามชาติและนอกระบบ ส่วนแรงงานข้ามชาติ เรามีนโยบายยกเลิก พระราชกำหนดการบริหารจัดการของคนต่างด้าว 2561 เกิดขึ้นโดยรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เราจะเขียนอันใหม่เพื่อเปิดทางให้กับการแก้ไขระบบแรงงานข้ามชาติที่ตอนนี้มาค่าใช้จ่ายสูง มีนายหน้า บริษัทเอกชนมีอิทธิพลสูงมากในการต่อรองทำเอกสารแทนเราซึ่งหาเงินมหาศาลให้กับบริษัทเหล่านี้ เป็นภาระหนี้ให้แรงงานข้ามชาติตั้งแต่ก่อนเข้างานเพื่อจะได้ทำงานอย่างถูกกฎหมาย และการต่อสัญญาการทำงานก็ต้องเสียเงินมากขึ้นไปอีก แล้วภาครัฐก็เลือกปฏิบัติ ถ้าหากลูกจ้างแรงงานไม่ผ่านมาทางบริษัทเอกชนก็ต้องรอคิวนานจนอาจจะเกือบหมดสัญญาได้ จึงมองว่าแก้กฎหมายตัวนี้ที่เป็นปัญหา การแก้โครงสร้างบริหารจัดการ การตกลงกับหน่วยงานเอกชนต้องโปร่งใส ถึงจะลดการค้ามนุษย์ และเคลื่อนย้ายโรงงานผิดกฎหมาย แล้วก็ต้องคุ้มครองแรงงาน รวมถึงแรงงานข้ามชาติ ทุกสัญชาติที่ทำงานบนแผ่นดินไทยต้องได้รับการคุ้มครองเหมือนกัน โดยหลักการก็คือคิดว่าแนวคิดของพรรคสามัญชนใกล้เคียงกับพรรคเสมอภาคและพรรคก้าวไกล แต่พรรคสามัญชนเพิ่มเข้าไปอีก คือ เราต้องการเห็นการมีส่วนร่วมมากที่สุดของพี่น้องแรงงานช้ามชาติในการเข้ามาออกแบบกฎกระทรวงและออกแบบนโยบายต่างๆ เพื่อแรงงานโดยเชื่อในการกำหนดอนาคตตัวเอง และเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพเท่ากันในการบริหารจัดการ ออกแบบอนาคต การให้พื้นที่และการยอมรับความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพรรคสามัญชน

    ลักษณารีย์ ดวงตาดำ พรรคสามัญชน

    อย่างไรก็ตาม สิทธิ เสรีภาพ และความเป็นอยู่ของแรงงาน เป็นปัญหาที่ยาวนานในประเทศไทย และหากพรรคใดให้ความเชื่อมั่นในนโยบายของตนได้ พี่น้องแรงงานก็จะได้รับความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

    Related

    มองศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์พะเยา (ตอนจบ) ของกิ๋นพะเยา ไประดับโลกได้ไหม

    เรื่อง: กมลชนก เรือนคำ ชุดบทความนี้อยู่ภายใต้โครงการจัดการทุนทางวัฒนธรรมด้วยพันธกิจที่ 4 ของมหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและสำนึกท้องถิ่นของชุมชนวัฒนธรรมระเบียงกว๊านพะเยา อ่าน เมดอินพะเยา: มองศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์พะเยา (ตอน...

    แรงงานกลางแจ้งเชียงใหม่ต้องเผชิญกับอะไร ในภาวะที่โลกเดือดและฝุ่นพิษ

    เรื่อง : วิชชากร นวลฝั้น ปี 2566 ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ...

    หมดยุค สว. แต่งตั้ง ถึงเวลาความหวัง สว. ประชาชน

    เรื่อง : วิชชากร นวลฝั้น ในวันพรุ่งนี้ (11 พฤษภาคม 2567) ถือเป็นวันสุดท้ายที่ สว....